นางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษเปิดเผยว่า เหล่ารัฐมนตรีของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือกลุ่ม G7 ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจเชิง "บีบบังคับ" ของจีน ซึ่งบรรดานักวิจารณ์เรียกว่าเป็นนโยบาย "กับดักหนี้" ที่พุ่งเป้าไปยังกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
อังกฤษ ในฐานะประธานกลุ่ม G7 ได้ออกแถลงการณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งจัดขึ้นที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษว่า บรรดารัฐมนตรีกลุ่ม G7 ได้หารือกันเกี่ยวกับสถานการณ์ในฮ่องกงและเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งจีนถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ ยังหารือกันเกี่ยวกับความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพเหนือช่องแคบไต้หวัน
ในแถลงการณ์อีกฉบับ เหล่ารัฐมนตรีกลุ่ม G7 และรัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้ยืนยันถึงการมีส่วนร่วมในการรักษาเสรีภาพและเปิดกว้างภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เพื่อตอบโต้ความพยายามของจีนที่ต้องการแผ่ขยายอิทธิพลทางทหารและเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ บรรดารัฐมนตรี G7 ได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธอย่างสิ้นเชิง, ตรวจสอบได้และถาวร รวมทั้งเรียกร้องให้เกาหลีเหนือเร่งแก้ไขปัญหาประเด็นเรื่องการลักพาตัวในทันที
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในระหว่างการประชุม 2 วันดังกล่าว บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มประเทศ G7 ซึ่งประกอบด้วยอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่นและสหรัฐ รวมทั้งสหภาพยุโรป (EU) ยังได้แสดงความวิตกต่อกรณีการเสริมสรรพกำลังทางทหารใกล้แนวชายแดนยูเครนของรัสเซีย
ทั้งนี้ รัฐมนตรีกลุ่ม G7 ได้ออกแถลงการณ์ประเด็นรัสเซียและยูเครน โดยระบุว่า รัสเซียจะเผชิญกับผลลัพธ์และการตอบโต้ที่รุนแรง หากยังเดินหน้าดำเนินการทางทหารต่อยูเครน พร้อมทั้งประณามรัสเซียที่ยกระดับกำลังทหารและใช้ถ้อยคำที่แข็งกร้าว