บริษัทอินเทล ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปของสหรัฐ เผชิญกระแสตีกลับจากจีนหลังออกแถลงการณ์ว่าซัพพลายเออร์ของทางบริษัทมิได้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือแรงงานจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน
ทั้งนี้ อินเทลเปิดเผยว่าบริษัทจำเป็นต้องรับประกันว่าห่วงโซ่อุปทานของทางบริษัทไม่ได้ใช้แรงงาน สินค้า ตลอดจนบริการจากเขตปกครองตนเองซินเจียง หลัง "รัฐบาลหลายประเทศ" ออกมาตรการจำกัด
สหรัฐกล่าวหาว่าจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนประชาชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม รวมถึง การบังคับใช้แรงงาน แต่จีนยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวอ้างดังกล่าวมาโดยตลอด
หนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์สของพรรคคอมมิวนิสต์จีนประณามว่า ถ้อยแถลงของอินเทลนั้นเป็นเรื่อง "น่าขัน" และเสริมว่าบริษัทดังกล่าว ซึ่งโกยรายได้ 26% จากจีนในปี 2563 "แว้งกัดมือที่ป้อนอาหาร"
"สิ่งที่เราต้องทำคือทำให้บรรดาบริษัทที่สร้างความขุ่นเคืองต่อจีนจ่ายราคาแพง บริษัทเหล่านี้จะได้ขาดทุนแทนคว้ากำไร" โกลบอลไทม์สกล่าวในบทความ
นอกจากนี้ ประชาชนชาวจีนต่างก็ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อถ้อยแถลงของอินเทลผ่านทางออนไลน์ โดยหวัง จวิ้นข่าย นักร้องชาวจีนจากวงไอดอลชื่อดัง "ทีเอฟบอยส์" ประกาศผ่านเว็บไซต์เว่ยป๋อว่าเขาจะยกเลิกสัญญาการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับอินเทล และเสริมในแถลงการณ์ว่า "ผลประโยชน์ของประเทศชาติสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด"
ผู้ใช้งานเว่ยป๋อจำนวนมากต่างเรียกร้องให้พลเมืองชาวจีนคว่ำบาตรอินเทล โดยชาวเน็ตรายหนึ่งซึ่งใช้ชื่อ "Old Catalan" ระบุว่า "ต้องต่อต้าน ห้ามซื้อสินค้า!"
สำหรับข้อกล่าวหาเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียงถือได้ว่าเป็นประเด็นร้อนแรงระหว่างสหรัฐและจีนมาอย่างยาวนานจนนำไปสู่การออกมาตรการคว่ำบาตรตอบโต้กันไปมา โดยล่าสุดในช่วงไม่กี่วันก่อนจีนได้ตัดสินใจคว่ำบาตรชาวอเมริกัน 4 คนเพื่อเป็นการสวนกลับต่อกรณีที่สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนจำนวน 4 คน