หนังสือพิมพ์เตหะรานไทม์สของอิหร่านรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจาก Mapping Police Violence ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ติดตามเหยื่อที่ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม โดยระบุว่า หลังเกิดเหตุตำรวจผิวขาววิสามัญนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน รวมถึงการประท้วงต่อต้านความโหดร้ายของตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจอเมริกันก็ยังคงใช้ความรุนแรงที่เป็นอันตรายถึงชีวิตเช่นเดิม และยังไม่ได้รับโทษจากสิ่งที่ก่อ
ทั้งนี้ Mapping Police Violence หยิบยกปัญหา 3 ประการที่ได้มาจากการวิจัยเมื่อเร็ว ๆ นี้ขึ้นมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณให้องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศรับทราบถึงความโหดร้ายของวงการตำรวจอเมริกัน
ประการแรก อัตราการวิสามัญฆาตกรรมที่อยู่ในระดับสูงจนเกินคาดของตำรวจ ซึ่งกระทำตัวเสมือนเป็นผู้พิพากษา คณะตุลาการและเพชฌฆาต โดยอาศัยกฎหมายที่อยู่ในมือและใช้ความรุนแรงถึงแก่ชีวิต
ประการที่ 2 คือปัญหาความแตกต่างทางเชื้อชาติในกลุ่มชาวอเมริกันผิวดำและผิวขาวที่ถูกวิสามัญโดยตำรวจ แม้ว่าจะเกิดการประท้วงทั่วประเทศ แต่ Mapping Police Violence กลับพบว่า ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันยังคงมีแนวโน้มถูกตำรวจวิสามัญมากกว่าชาวอเมริกันผิวขาวอยู่ถึง 2.5-3 เท่าตัว
และประการที่ 3 คือประเด็นความรับผิดชอบหรือความยุติธรรมที่หย่อนยาน ซึ่งได้ทำให้ตำรวจผู้ก่อเหตุวิสามัญลอยตัวพ้นผิด