เหตุความไม่สงบในคาซัคสถานในสัปดาห์นี้ได้ส่งผลให้รัฐบาลสั่งปิดอินเทอร์เน็ตในประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเหมืองบิตคอยน์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวในคาซัคสถานมีขึ้นหลังจากเมื่อไม่ถึง 1 ปีที่ผ่านมา ทางการจีนได้สั่งแบนการขุดเหมืองคริปโท จึงมีนักขุดเหมืองในจีนหลายคนได้ลี้ภัยไปอยู่ในคาซัคสถาน แต่ภายหลังจากนั้นไม่กี่เดือน ประชาชนชาวคาซัคสถานได้ออกมาประท้วงราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานขึ้น ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความไม่สงบที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
สถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าวส่งผลให้ประธานาธิบดีฆาเซิม-โฌมาร์ต โตกาเยฟ ผู้นำคาซัคสถาน ขอความช่วยเหลือให้รัสเซียส่งทหารพลร่มเข้าไปยังคาซัคสถานเพื่อรักษาความสงบ นอกจากนี้ เขายังได้สั่งการให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมของประเทศปิดให้บริการอินเทอร์เน็ต ส่งผลให้นักขุดบิตคอยน์ในคาซัคสถานซึ่งมีสัดส่วนราว 15% ของนักขุดเหมืองทั่วโลกไม่มีอินเทอร์เน็ตสำหรับทำเหมือง
เมื่อวานนี้ (6 ม.ค.) ราคาบิตคอยน์ร่วงหลุดจากระดับ 43,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2564 และร่วงลงถึง 8% ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีเปิดเผยว่า ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตในคาซัคสถานกลับมาใช้งานได้แล้ว แต่จากกรณีดังกล่าวทำให้เรียนรู้ว่า อุตสาหกรรมบิตคอยน์นั้นมีความยืดหยุ่นสูงมาก เนื่องจากเครือข่ายยังสามารถดำเนินต่อไปได้แม้นักขุดจำนวนมากตกอยู่ในภาวะออฟไลน์ และประการต่อมานั้นคือสหรัฐอาจมีนักขุดเหมืองหลั่งไหลกันเข้ามาจำนวนมาก เนื่องจากพวกเขาต้องการหลีกเลี่ยงเหตุหยุดชะงักเช่นนี้ในอนาคต