นางเจน ซากี โฆษกประจำทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐจะปล่อยให้กระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ตัดสินว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สมควรได้รับผลลัพธ์อย่างไรในกรณีที่เขามีบทบาทในเหตุการณ์จลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ปีที่ผ่านมา
"ปธน.ไบเดนต้องการให้กระทรวงยุติธรรมและรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมทำหน้าที่ได้อย่างเป็นอิสระ ตามที่ท่านรัฐมนตรีได้ขอไว้เมื่อครั้งที่ปธน.ไบเดนเข้ารับตำแหน่ง นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังต้องการให้กระทรวงยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่ตามที่ท่านคาดหวัง"
ปธน.ไบเดนกล่าวว่า ชาวอเมริกันต้องได้รับความเชื่อมั่นว่าเหตุโจมตีเช่นที่เกิดขึ้นในอาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อ 1 ปีก่อนนั้น "จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก" เนื่องจากทำให้สหรัฐเผชิญกับความแตกแยกมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"เมื่อ 1 ปีก่อน ประชาธิปไตยได้ถูกโจมตีในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ รัฐธรรมนูญของเราเผชิญกับภัยคุกคามอย่างร้ายแรงที่สุด ผมเชื่อว่าประธานาธิบดีมีหน้าที่ในการสร้างเอกภาพให้กับประเทศ มิใช่สร้างความแตกแยก" ปธน.ไบเดนกล่าวเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีเหตุโจมตีรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.
ทางด้านอดีตปธน.ทรัมป์ได้ออกมาตอบโต้ทันควันว่า "วันนี้ ปธน.ไบเดนได้ใช้ชื่อของผมเพื่อให้อเมริกาแตกแยกกันมากยิ่งขึ้น" แม้ปธน.ไบเดนไม่ได้เอ่ยชื่อของทรัมป์ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ก็ตาม
เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ในปีที่แล้ว กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตปธน.ทรัมป์ได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา เพื่อขัดขวางการประกาศรับรองชัยชนะของปธน.ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอาคารรัฐสภา