สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) มีคำสั่งห้ามเครื่องบินฝั่งตะวันตกของสหรัฐบางส่วนขึ้นบินเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ (10 ม.ค.) ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เกาหลีเหนือทดลองยิงขีปนาวุธ โดยคำสั่งห้ามขึ้นบินดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัย
เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธ 1 ลูกในช่วงเช้าวันอังคารที่ 11 ม.ค.ตามเวลาท้องถิ่น โดยคาดว่าเป็นขีปนาวุธทิ้งตัว (Ballistic Missile) ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากสื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการทดลองยิงขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่
รายงานระบุว่า ขีปนาวุธได้ถูกยิงตกลงสู่ทะเลนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEZ) ของญี่ปุ่น แต่ไม่มีรายงานว่าขีปนาวุธสร้างความเสียหายต่อเรือหรือเครื่องบิน
นอกจากเหตุการณ์วานนี้แล้ว เกาหลีเหนือยังได้ยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic Missile) เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ด้วย
FAA ระบุว่า ทางสำนักงานฯได้ดำเนินการต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยมาโดยตลอด และขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนคำสั่งห้ามดังกล่าว เช่นเดียวกับในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐว่า FAA สั่งระงับการขึ้นบินเป็นเวลาน้อยกว่า 15 นาที หลังจากได้รับรายงานเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
"เราได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธแล้วและกำลังปรึกษาพันธมิตรอย่างใกล้ชิด แม้ว่าเราจะลงความเห็นว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายเร่งด่วนต่อเจ้าหน้าที่หรือเขตแดนของสหรัฐและพันธมิตรของเรา แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้แสดงว่าโครงการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่" เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าว
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือยังคงทำการทดสอบขีปนาวุธ แม้ว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีคำสั่งห้ามไม่ให้เกาหลีเหนือทำการทดสอบขีปนาวุธทุกชนิดก็ตาม