ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เขาเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย หากปธน.ปูตินสั่งการให้กองทัพรัสเซียบุกเข้าเขตแดนของยูเครน ถือเป็นการยกระดับจากฝั่งสหรัฐในการป้องกันไม่ให้ผู้นำรัสเซียก่อสงคราม
"ผมรับรองว่าจะเป็นเช่นนั้นแน่นอน" ปธน.ไบเดนยืนยัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะใช้มาตรการคว่ำบาตรกับรัสเซีย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แม้ในอดีตสหรัฐจะเคยใช้มาตรการคว่ำบาตรกับผู้นำประเทศเพียงน้อยครั้ง แต่ขณะนี้ปธน.ไบเดนและชาติพันธมิตรก็ได้ประกาศเตรียมใช้กลไกทางเศรษฐกิจกดดันรัสเซียอย่างหนัก หากปธน.ปูตินสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารรัสเซียราว 100,000 คนที่ประจำอยู่ใกล้ชายแดนยูเครนรุกล้ำเข้าอาณาเขตของยูเครน
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนยอมรับว่า ชาติพันธมิตรบางรายอาจไม่เห็นด้วยกับการใช้มาตรการตอบโต้ หากปธน.ปูตินเลือกไม่สั่งการให้พลทหารบุกเข้ายูเครนและหันไปใช้วิธีการคุกคามอื่น ๆ เช่น การโจมตีทางไซเบอร์ หรือการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในยูเครน
"อย่างที่ผมได้กล่าวไป หากปธน.ปูตินตัดสินใจสั่งการ ก็จะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ตามมาอย่างแน่นอน" ปธน.ไบเดนกล่าว "ถ้าเขาสั่งให้ทหารเคลื่อนพลเข้ายูเครนจริง ก็จะถือว่าเป็นการรุกรานด้วยกำลังพลจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งจะส่งผลกระทบทั่วโลก"
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรใด ๆ ต่อปธน.ปูตินนั้นยังคงไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากไม่มีการเผยข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่ปธน.ปูตินครอบครอง
ปธน.ปูตินเผยต่อสาธารณชนว่า เขาได้รับเงินเดือนราว 140,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี และสินทรัพยอื่น ๆ ที่เขาครอบครองนั้นมีเพียงอพาร์ทเมนท์ 1 แห่งและรถยนต์ไม่กี่คันเท่านั้น อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าปธน.ปูตินอาศัยอยู่ในบ้านพักอันโอ่อ่าที่มีขนาดใหญ่กว่าพระราชวังบัคกิ้งแฮม และบรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดว่า สินทรัพย์ของเขาน่าจะมีมูลค่ารวมหลายพันล้านดอลลาร์ โดยถูกซ่อนไว้ในเครือข่ายธนาคารเงา (Shadow banking) ทั่วโลก
ด้านทำเนียบเครมลินได้ออกมาคัดค้านการที่สหรัฐเตรียมใช้กลไกด้านการเงินเพื่อกดดันปธน.ปูติน
"การใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อผู้นำรัฐบาลหรือผู้นำของรัสเซียถือเป็นการดำเนินการที่รุนแรงสุดโต่ง เทียบได้กับการตัดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ" นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินกล่าวในแถลงการณ์