ทำเนียบเครมลินออกแถลงการณ์ระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้ให้การต้อนรับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ที่ได้เดินทางเยือนกรุงมอสโกในวันนี้ และขณะนี้ผู้นำทั้งสองกำลังเจรจากันเพื่อหาแนวทางคลี่คลายวิกฤตการณ์ยูเครน
แถลงการณ์ระบุว่า การเจรจาดังกล่าวได้มีขึ้น ท่ามกลางมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ โดยผู้นำทั้งสองไม่มีการจับมือทักทายกัน และได้นั่งเก้าอี้ห่างกันโดยอยู่ตรงข้ามกันของโต๊ะทำงานรูปไข่
ปธน.มาครงคาดหวังว่าการเดินทางเยือนกรุงมอสโก และการเข้าพบปธน.ปูตินจะช่วยคลายความตึงเครียดเกี่ยวกับยูเครน และจะมีการสร้างสมดุลใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก รวมทั้งจะมีการบรรลุข้อตกลงที่จะช่วยป้องกันสงครามที่อาจเกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน
ทั้งนี้ ปธน.มาครงมาเจรจากับปธน.ปูตินในวันนี้ในฐานะผู้นำฝรั่งเศส และประธานหมุนเวียนของสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งจะครบวาระในเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ดี นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียไม่คาดหวังว่าจะมีการตัดสินใจครั้งสำคัญเกี่ยวกับประเด็นยูเครนจากการพบปะกันระหว่างปธน.ปูตินและปธน.มาครงในวันนี้
"ขณะนี้สถานการณ์มีความซับซ้อนมากเกินกว่าที่จะคาดหวังว่าจะมีการตัดสินใจครั้งสำคัญเกิดขึ้นจากการประชุมเพียงครั้งเดียว" นายเพสคอฟกล่าว และเสริมว่า เขาคาดหวังว่าปธน.มาครงจะเสนอแนวทางที่จะช่วยคลายความตึงเครียดในประเด็นยูเครน
นอกจากนี้ นายเพสคอฟกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการกล่าวถึงการลดความตึงเครียดในยูเครน ในขณะที่ตะวันตกยังคงกระพือข่าวอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความหวาดกลัวเกี่ยวกับการที่รัสเซียเตรียมโจมตียูเครน
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐแถลงก่อนหน้านี้ว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐได้รับข้อมูลว่ารัสเซียกำลังมีแผนที่จะทำคลิปวิดีโอปลอมเพื่อให้รัสเซียมีความชอบธรรมในการโจมตียูเครน
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า รัสเซียเตรียมจัดฉากถ่ายทำวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่าทหารยูเครนได้เข้าโจมตีรัสเซีย โดยมีการทำร้ายชาวรัสเซีย ซึ่งจะมีการแสดงศพผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และมีตัวละครซึ่งจะรับบทเป็นผู้ที่กำลังคร่ำครวญเสียใจต่อผู้ที่เสียชีวิต รวมทั้งแสดงภาพสถานที่ซึ่งได้รับความเสียหายจากการโจมตีของกองทัพยูเครน
สหรัฐเปิดเผยว่า กองทัพรัสเซียกำลังตรึงกำลังทหารราว 100,000 นายตามแนวชายแดนยูเครน โดยการบุกโจมตีอาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ
ทั้งนี้ รัสเซียยื่นข้อเรียกร้องต่อสหรัฐและชาติตะวันตกเพื่อให้มีการรับประกันว่า นาโตจะไม่รับยูเครนและประเทศซึ่งเคยอยู่ในอดีตสหภาพโซเวียตเข้าเป็นสมาชิก ขณะที่สหรัฐและพันธมิตรจะต้องถอนกำลังทหารออกจากกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต
ก่อนหน้านี้ ปธน.ปูตินได้สนทนาทางโทรศัพท์กับปธน.มาครงเมื่อเดือนที่แล้ว โดยปธน.ปูตินเน้นย้ำว่า เขาไม่ต้องการให้มีการเผชิญหน้ากัน และทุกฝายจะต้องใช้ความพยายามลดความตึงเครียดในยูเครน โดยจะต้องเปิดช่องทางการเจรจาต่อไป ซึ่งสะท้อนสิ่งที่นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวก่อนหน้านี้ว่า รัสเซียไม่ต้องการทำสงครามกับยูเครน
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้นำเยอรมนี ก็มีกำหนดเยือนกรุงมอสโกในวันที่ 15 ก.พ.เพื่อหาทางผ่อนคลายวิกฤตการณ์ยูเครนเช่นกัน