ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวเรียกร้องให้ชาวอเมริกันรีบเดินทางออกจากยูเครน ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น
"ชาวอเมริกันควรเดินทางออกจากยูเครนในขณะนี้ เรากำลังเผชิญหน้ากับหนึ่งในกองทัพใหญ่ที่สุดในโลก และสถานการณ์อาจพลิกผันได้อย่างรวดเร็ว" ปธน.ไบเดนกล่าว
ขณะนี้ รัสเซียกำลังซ้อมรบในเบลารุส โดยคาดว่ามีการใช้กำลังทหารรัสเซียราว 30,000 นาย ซึ่งถือเป็นการส่งทหารเข้าสู่เบลารุสมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามเย็น
นอกจากนี้ รัสเซียได้ตรึงกำลังทหารราว 130,000 นายประชิดชายแดนยูเครน พร้อมกับรถถัง และขีปนาวุธ
อย่างไรก็ดี ปธน.ไบเดนปฏิเสธแนวคิดที่จะส่งกำลังทหารสหรัฐเข้าไปในยูเครน
"จะเกิดสงครามโลกแน่ ถ้าหากทหารสหรัฐและรัสเซียเริ่มยิงใส่กัน โดยขณะนี้เรากำลังอยู่ในโลกที่แตกต่างกว่าที่เราเคยอยู่มาในอดีต" ปธน.ไบเดนกล่าว
ทางด้านนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า รัสเซียพร้อมโจมตียูเครนได้ทุกเมื่อ พร้อมกับเรียกร้องให้ชาวอเมริกันรีบเดินทางออกจากยูเครน
"เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ว่าการโจมตีอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ซึ่งรวมทั้งในระหว่างที่กำลังมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก" นายบลิงเกนกล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนออสเตรเลียวันนี้
ทั้งนี้ จีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในขณะนี้ โดยมีกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4-20 ก.พ.
นายบลิงเกนเดินทางเยือนประเทศในเอเชีย-แปซิฟิกในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงออสเตรเลีย ฟิจิ และฮาวาย เพื่อตอกย้ำพันธกรณีของสหรัฐในการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับประเทศในภูมิภาคดังกล่าว และเป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐยังคงต้องการมีบทบาทในเอเชีย-แปซิฟิกเพื่อสกัดการแผ่อิทธิพลของจีน
ในระหว่างการเยือนออสเตรเลีย นายบลิงเกนจัดการประชุมกลุ่ม Quad ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐ อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย โดยมีการหารือกันในประเด็นเกาหลีเหนือ และการที่จีนต้องการสร้างฐานทัพในหมู่เกาะแปซิฟิกเพื่อแผ่อิทธิพลในภูมิภาค
นอกจากนี้ กลุ่ม Quad ได้หารือกันเกี่ยวกับนโยบายป้องกันโลกร้อน รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนโควิด-19 แก่สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
ส่วนในการเดินทางเยือนฟิจิ นายบลิงเกนจะหารือกับผู้นำฟิจิ รวมทั้งผู้นำของหมู่เกาะแปซิฟิกเกี่ยวกับนโยบายป้องกันโลกร้อน และความมั่นคงในภูมิภาค รวมทั้งการแผ่อิทธิพลของจีนด้วยการสร้างฐานทัพในหมู่เกาะแปซิฟิก
นอกจากนี้ ในการเยือนฮาวาย นายบลิงเกนจะหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เกี่ยวกับเกาหลีเหนือ ท่ามกลางความกังวลที่ว่าการทดสอบขีปนาวุธในปีที่แล้ว จะทำให้เกาหลีเหนือกลับมาทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปและอาวุธนิวเคลียร์ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2560