สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีบริษัทจีนที่ทำธุรกิจในยูเครนหรือรัสเซียจำนวนมากขึ้นที่ระบุว่าผลกระทบจากวิกฤติยูเครนยังอยู่ในวงจำกัดในตอนนี้ ขณะที่บางบริษัทพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยอ้างถึงขนาดการลงทุนที่จำกัดและส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) หลังจากที่รัสเซียบุกยูเครน โดยมาตรการต่าง ๆ เป็นการขัดขวางความสามารถในการทำธุรกิจของรัสเซียในสกุลเงินหลักของโลก
ตัวอย่างเช่น บริษัทกุ้ยโจว ฉางเหิน เคมิคอล คอร์ป (Guizhou Chanhen Chemical Corp) ได้แจ้งกับแพลตฟอร์มนักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัทเมื่อวานนี้ว่า ธุรกิจของบริษัทในยูเครนและรัสเซียนั้นมีขนาดเล็ก จึงแทบจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ
ด้านบริษัทเจียงซู โพรวิเชียล อะกริคัลเจอรัล รีเคลเมชัน แอนด์ เดเวลอปเมนท์ โค (Jiangsu Provincial Agricultural Reclamation and Development Co) ที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศว่าจะลงทุน 33 ล้านหยวน (5.22 ล้านดอลลาร์) เพื่อตั้งบริษัทย่อยในยูเครน แจ้งกับไชน่า ซีเคียวริตี้ส์ เจอร์นัล (China Securities Journal) ว่าได้ระงับแผนการดังกล่าวแล้ว เนื่องจากความไร้เสถียรภาพทางการเมือง
ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา จีนและรัสเซียได้ประกาศความร่วมมือแบบไม่มีขีดจำกัด โดยให้คำมั่นที่จะร่วมมือกันต่อต้านชาติตะวันตก แต่แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นด้วยภูมิรัฐศาสตร์ แต่การรวมกันทางเศรษฐกิจและการเงินระหว่างทั้งสองประเทศก็มีอย่างจำกัด
"ในความคิดเห็นของผม ชุมชนนักลงทุนจีนมองว่ารัสเซียเป็นจุดหมายปลายทางที่เสี่ยงและยากที่จะลงทุน มีความเสี่ยงด้านการทุจริตที่สูง มีกฎระเบียบและความผันผวนมากมาย และเสี่ยงจะถูกคว่ำบาตร" อเล็กซานเดอร์ กาบูเอฟ สมาชิกอาวุโสและประธานของรัสเซียในโครงการเอเชีย-แปซิฟิกกล่าวที่ศูนย์คาร์เนกี้ มอสโก เซ็นเตอร์
"การลงทุนส่วนใหญ่ของจีนในรัสเซียดำเนินการโดยรัฐวิสาหกิจ และในภาคพลังงาน" นายกาบูเอฟเสริม