ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า รายได้จากการค้าระหว่างจีนกับรัสเซียไม่เพียงพอที่จะชดเชยผลกระทบที่รัสเซียจะได้รับจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU)
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่รัสเซียบุกยูเครนในวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) สหรัฐ สหราชอาณาจักร และ EU ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ เพื่อที่จะโดดเดี่ยวรัสเซียจากเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวไม่ได้รวมข้อจำกัดการซื้อน้ำมันและแก๊สจากรัสเซีย ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย
ทางด้านนางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า จีนและรัสเซียมีส่วนแบ่งเศรษฐกิจโลกน้อยกว่ากลุ่มประเทศ G7 ซึ่งรวมถึงสหรัฐและเยอรมนีมาก ๆ นั่นหมายความว่า การค้ากับจีนไม่สามารถชดเชยผลกระทบของการคว่ำบาตรได้
ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยว่า ส่วนแบ่งเศรษฐกิจจีนคิดเป็น 17.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั่วโลก หรือจีดีพีโลกในปี 2563 ขณะที่รัสเซียอยู่ที่ 1.7% และกลุ่ม G7 อยู่ที่ 45.8%
ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนระบุว่า การค้าระหว่างจีนกับรัสเซียและยูเครนจะยังคงเป็นปกติ และปฏิเสธที่จะเรียกการโจมตีดังกล่าวว่าเป็น "การบุกรุก" ขณะเดียวกัน กรมศุลกากรจีนก็ได้อนุมัติการนำเข้าข้าวสาลีจากรัสเซีย
ทั้งนี้ จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของรัสเซียกับยูเครน โดยทั้ง 2 ประเทศเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road Initiative ซึ่งเป็นแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับภูมิภาค ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นความพยายามของจีนที่จะขยายอิทธิพลไปทั่วโลก