สำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์ของรัสเซียรายงานว่า ตัวแทนจากยูเครนและรัสเซียได้เจรจาสันติภาพรอบที่ 3 เพื่อหาทางออกต่อวิกฤตการณ์ในยูเครนเมื่อคืนวานนี้ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าที่มีนัยสำคัญ
ทางการยูเครนเปิดเผยว่า การเจรจาดังกล่าวให้ "ผลลัพธ์ในทางที่ดี" โดยมุ่งเน้นในเรื่องการอพยพพลเมืองออกจากเมืองที่ถูกโจมตี แต่ทางฝ่ายรัสเซียเปิดเผยว่า การเจรจาดังกล่าว "ไม่เป็นไปตาม" ความคาดหวัง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในการเจรจารอบที่สองก่อนหน้านี้ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงสร้างเส้นทางอพยพที่เรียกว่าระเบียงมนุษยธรรม (Humanitarian Corridors) เพื่อให้พลเมืองในเมืองต่าง ๆ ของยูเครนสามารถเดินทางอพยพได้ อย่างไรก็ดี ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่ได้มีการดำเนินการจริง ขณะที่แต่ละฝ่ายกล่าวโทษกันเองว่าอีกฝ่ายละเมิดข้อตกลงนี้
การที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สั่งบุกยูเครนนั้น ทำให้มีชาวยูเครนหนีข้ามพรมแดนกว่า 1.7 ล้านคน ซึ่งสหประชาชาติเปิดเผยว่าเป็นวิกฤติผู้ลี้ภัยที่ลุกลามเร็วที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ในขณะเดียวกัน นายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน และนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย จะพบปะกันนอกรอบการประชุมทางการทูตที่เมืองอันตาลยาทางใต้ของตุรกีในวันพฤหัสบดีนี้
นายเมฟลุต คาวูโซกลู รมว.ต่างประเทศตุรกี จะเข้าร่วมในการประชุมเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ตุรกีมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อทั้งรัสเซียและยูเครน โดยตุรกีเคยระบุว่า การรุกรานของรัสเซียต่อยูเครนถือเป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้ อย่างไรก็ดี ตุรกีไม่ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียแต่อย่างใด
ด้านนายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินกล่าวว่า รัสเซียพร้อมยุติปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครน "โดยทันที" หากยูเครนปฏิบัติตามเงื่อนไขของรัสเซีย
นายเพสคอฟระบุว่า เงื่อนไขที่ยูเครนจะต้องปฏิบัติตามเพื่อให้รัสเซียยุติปฏิบัติการทางทหาร ได้แก่ 1) ยูเครนจะต้องยุติการดำเนินการทางทหาร 2) ยูเครนจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การเป็นประเทศเป็นกลาง โดยยูเครนจะต้องปฏิเสธความตั้งใจที่จะเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรใด ๆ 3) ยูเครนจะต้องให้การรับรองว่าไครเมียเป็นดินแดนของรัสเซีย 4) ยูเครนจะต้องให้การรับรองว่าสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และลูฮันสก์ เป็นรัฐอิสระ
นายเพสคอฟกล่าวว่า หากยูเครนยอมรับเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อดังกล่าว รัสเซียก็จะยุติปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครนโดยทันที
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กองกำลังทหารของรัสเซียยิงถล่มสถาบันคาร์คอฟเพื่อการวิจัยฟิสิกส์และเทคโนโลยี (Kharkov Institute of Physics and Technology) ที่ตั้งอยู่ในเมืองคาร์คิฟทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้อาคารหลายหลัง และยังไม่มีรายงานยืนยันว่า มีสารกัมมันตรังสีรั่วไหลออกจากพื้นที่หรือไม่
การโจมตีครั้งล่าสุดนี้ เกิดขึ้นเพียงสองวันหลังจากที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียของยูเครน ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป ถูกกองทัพรัสเซียโจมตี และก่อนหน้านี้รัสเซียก็ได้บุกยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลทางตอนเหนือของยูเครนเช่นกัน