ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก มีมติด้วยคะแนนเสียง 13-2 ให้รัสเซียยุติปฏิบัติการทางทหารในยูเครนโดยทันที
นอกจากนี้ ศาลยังระบุว่ารัสเซียจะต้องสั่งให้กองกำลังอื่นๆ ภายใต้การนำของรัสเซีย ยุติปฏิบัติการทางทหารเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ ยูเครนร้องขอให้ศาลตีความสนธิสัญญาปี 1948 ว่าด้วยการป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยคำฟ้องของยูเครนระบุว่ารัสเซียได้ตีความสนธิสัญญาดังกล่าวไม่ถูกต้อง
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย อ้างว่าการที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อยูเครนเป็นไปด้วยความชอบธรรมเพื่อปกป้องประชาชนในยูเครนตะวันออกจากการถูกกดขี่ข่มเหงและถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยาวนานถึง 8 ปี
ยูเครนระบุว่า ไม่มีหลักฐานที่แสดงว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นในยูเครนตะวันออก และยูเครนร้องขอต่อศาลเพื่อให้มีคำวินิจฉัยว่ารัสเซียไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะทำการโจมตียูเครนโดยอ้างเหตุผลเพื่อป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
แม้ว่าที่ผ่านมา ICJ มักใช้เวลาหลายปีก่อนที่จะมีการตัดสินคดีถึงที่สุดระหว่างรัฐที่เป็นคู่ขัดแย้ง แต่ ICJ ก็มีกระบวนการเร่งรัดพิจารณาคดี และมีอำนาจในการออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อป้องกันมิให้สถานการณ์เลวร้ายลง ก่อนที่จะทำการวินิจฉัยในประเด็นพื้นฐานอื่นๆ
ทั้งนี้ คำตัดสินของ ICJ มีผลผูกพันทางกฎหมายที่ประเทศต่างๆต้องปฏิบัติตาม
อย่างไรก็ดี ICJ ไม่มีอำนาจบังคับใช้โดยตรง และที่ผ่านมาก็มีบางประเทศไม่ปฏิบัติตามคำตัดสินของ ICJ ซึ่งหากเกิดกรณีดังกล่าว ICJ ก็จะส่งเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) โดยในกรณีของยูเครน รัสเซียซึ่งเป็นคู่ขัดแย้ง สามารถใช้อำนาจในฐานะสมาชิกถาวร ใช้สิทธิวีโต้ต่อมติของ UNSC ทำให้คำตัดสินของ ICJ ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อรัสเซีย หากรัสเซียเมินเฉยต่อคำสั่งดังกล่าว