พลโทมาร์ติน เฮเรม ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันเอสโตเนีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ต้องยื่นมือเข้ามาแทรกแซงสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน หากทางฝั่งรัสเซียตัดสินใจใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เช่น อาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธชีวภาพต่อยูเครน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ชาติสมาชิกนาโตได้ให้การสนับสนุนยูเครนผ่านการส่งอาวุธสังหารและอุปกรณ์ทางทหารอื่น ๆ เพื่อให้ยูเครนสามารถป้องกันตัวจากการรุกรานของรัสเซียได้ อย่างไรก็ตาม ชาติสมาชิกทั้ง 30 ประเทศยังคงปฏิเสธที่จะส่งกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่ เนื่องจากกังวลว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจส่งผลให้สถานการณ์ความรุนแรงเลวร้ายลงไปอีก จนอาจขยายวงถึงขั้นกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3
แต่ถึงเช่นนั้น นายเฮเรมมองว่า จุดยืนของนาโตนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากมีแนวโน้มว่ารัสเซียจะใช้อาวุธเคมีจริง
นายคุสตี ซัลม์ ปลัดกระทรวงกลาโหมเอสโตเนีย เปิดเผยว่า มีหลักฐานที่บ่งชี้ชัดเจนว่ารัสเซียเตรียมที่จะใช้อาวุธเคมี
"เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังทำสิ่งนี้จากถ้อยคำที่กล่าวออกมา พวกเขากำลังสร้างสถานการณ์เพื่อปูทางสู่การใช้อาวุธร้ายแรง" นายซัลม์กล่าว
ก่อนหน้านี้ รัสเซียออกมากล่าวโจมตีว่า ยูเครนลักลอบทดลองอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพในดินแดนของตนเอง โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ ขณะที่นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า คำกล่าวอ้างของรัสเซียนั้น "น่าขัน" และมองว่าการป้ายความผิดดังกล่าวอาจเป็นเพราะรัสเซียต้องการหาข้ออ้างเพื่อปูทางสู่การใช้อาวุธเคมีในดินแดนของยูเครน