นายวาดิม บอยเชนโก นายกเทศมนตรีเมืองมาริอูโพลซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนเปิดเผยกับสำนักข่าวเอพีว่า กองทัพรัสเซียได้คร่าชีวิตพลเมืองไปกว่า 10,000 ราย นับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อเดือนก.พ.
นายกเทศมนตรีเมืองมาริอูโพลเปิดเผยว่า ร่างของผู้เสียชีวิตนั้นเรียงรายอยู่ตามท้องถนนเมืองมาริอูโพล และยอดผู้เสียชีวิตจริง ๆ อาจสูงเกิน 20,000 ราย
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายกเทศมนตรีเมืองมาริอูโพลเคยแจ้งยอดผู้เสียชีวิตที่ 5,000 ราย โดยเป็นตัวเลขของวันที่ 21 มี.ค. อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลานั้นยังมีผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้นับรวมอีกหลายพันราย เพราะร่างผู้เสียชีวิตกระจายอยู่ตามท้องถนน และมีความยากลำบากในการเก็บศพ
นอกจากนี้ นายกเทศมนตรีเมืองมาริอูโพลยังระบุด้วยว่า กองทัพรัสเซียได้นำเตาเผาศพเคลื่อนที่เข้ามาเพื่อกำจัดร่างผู้เสียชีวิต และอ้างว่ารัสเซียไม่ยอมให้ขบวนส่งของช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเข้าไปในพื้นที่ เพื่อปิดบังไม่ให้มีการพบเห็นความโหดเหี้ยมนี้
ทั้งนี้ เมืองมาริอูโพลมีพลเมืองราว 120,000 รายที่ต้องการอาหาร น้ำ ความอบอุ่น และช่องทางสื่อสาร
ก่อนหน้านี้ รัสเซียระบุว่า เป้าหมายหนึ่งของปฏิบัติการทางทหารคือ การปลดแอกเมืองต่าง ๆ ที่พูดภาษารัสเซียเป็นส่วนใหญ่ เช่น เมืองมาริอูโพล ซึ่งเป็นเมืองท่าทางตอนใต้ของยูเครนจากการคุกคามของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยชาวชาตินิยมยูเครน ซึ่งรัสเซียระบุว่าใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนได้ปฏิเสธคำกล่าวอ้างเหล่านั้น โดยระบุว่า รัสเซียใช้ข้ออ้างที่ไร้มูลเหตุนั้นเพื่อบุกโจมตียูเครน