นายสาชิต เปรมทาส ผู้นำฝ่ายค้านของศรีลังกาเตือนว่าประเทศกำลังเผชิญกับช่วง "มาตรการรัดเข็มขัดสุดขีด" ขณะที่นายเปรมทาสพยายามสร้างฐานเสียงสนับสนุนในรัฐสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญและขจัดตระกูลราชปักษะออกจากอำนาจ
นายเปรมทาส หัวหน้าพรรคสามัคคี ชนะ พละเวกายา (Samagi Jana Balawegaya) ผู้นำฝ่ายค้านให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า ชาวศรีลังกาทุกคนต้องกลืนยาขมหลายเม็ด เพราะผลพวงของความไร้เหตุผลตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้กลับมาหลอกหลอนแล้ว และตอนนี้ต้องเผชิญกับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และทุกสิ่งทุกอย่างจะมีเรื่องของผลได้-ผลเสียมาเกี่ยวข้องหมด
"มันจะเป็นช่วงเวลาแห่งมาตรการรัดเข็มขัดสุดขีด และชาวศรีลังกาต้องเข้าใจความเป็นจริงในเรื่องนี้ แต่ถ้าเราทำตามขั้นตอนที่กล้าหาญเหล่านี้ เราจะสามารถก้าวข้ามทุกความท้าทายและอุปสรรคทั้งหมดที่เราเผชิญได้" นายเปรมทาสกล่าว
ทางด้านรัฐบาลของประธานาธิบดีโคฐาภยะ ราชปักษะกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า รัฐบาลจะยุติการชำระหนี้ต่างประเทศเพื่อเก็บเงินสดไว้สำหรับการนำเข้าอาหารและเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่จะทำให้ศรีลังกาผิดนัดชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้เมื่อวานนี้ (18 เม.ย.) มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ได้หั่นอันดับความน่าเชื่อถือของศรีลังกาลงสู่ระดับขยะ (junk)
ขณะนี้ ศรีลังกากำลังพยายามหาเงินให้ได้สูงถึง 4 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้เพื่อช่วยนำเข้าสินค้าจำเป็นและจ่ายหนี้ ท่ามกลางวังวนภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ตกต่ำ โดยมีทุนสำรองระหว่างประเทศที่ร่อยหรอลง และอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเร็วที่สุดในเอเชีย
วิกฤติดังกล่าวยังเป็นตัวจุดชนวนความไม่สงบทางการเมืองอีกด้วย โดยปธน.ราชปักษะสูญเสียการสนับสนุนจากกลุ่มพันธมิตรของตัวเอง และต้องเผชิญกับการประท้วงบนท้องถนนที่เรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง