สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตัวเลขดังกล่าวแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับ 41.7% ในช่วงไตรมาส 4 แต่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากค่าเฉลี่ยในช่วง 3 ไตรมาสแรกของการดำรงตำแหน่ง
ปธน.ไบเดนมีคะแนนนิยมสูงในช่วง 2 ไตรมาสแรกที่เข้ารับตำแหน่ง แต่คะแนนนิยมในผลสำรวจของแกลลัป 8 ครั้งนับตั้งแต่เดือนก.ย.กลับอยู่ในช่วงระหว่าง 40-43%
แกลลัปวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ต่าง ๆ ในช่วงปลายฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ร่วงของปี 2564 ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่เพิ่มสูงขึ้น มีปัญหาการถอนทหารของสหรัฐออกจากอัฟกานิสถาน และราคาน้ำมันและเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ต่างมีผลให้คะแนนนิยมของปธน.ไบเดนลดลง
หากเทียบกับที่ผ่านมา คะแนนนิยมเฉลี่ยในไตรมาสที่ 5 ของปธน.ไบเดนต่ำกว่าปธน.คนก่อน ๆ ยกเว้นนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีคะแนนเฉลี่ยในไตรมาสที่ 5 ของการรับตำแหน่งที่ 39.1%
แกลลัประบุว่า คะแนนนิยมที่ต่ำของปธน.ไบเดนเป็นผลเสียอย่างยิ่งต่อโอกาสที่พรรคเดโมแครตจะรักษาเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภาเอาไว้ได้