คณะบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐเตรียมผลักดันการออกงบประมาณฉบับใหม่เพื่อรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อสภาคองเกรสกลับมาเปิดสมัยประชุมอีกครั้ง
"การนิ่งเฉยของสภาคองเกรสเริ่มส่งผลกระทบต่อประเทศแล้ว ตั้งแต่กรณีที่ชาวอเมริกันที่ไม่มีประกันต้องแบกรับภาระค่าตรวจหาเชื้อ ค่ารักษาและค่าฉีดวัคซีนแบบกะทันหัน ไปจนถึงกรณีที่รัฐต่าง ๆ ได้รับโมโนโคลนัลแอนติบอดี (Monoclonal Antibodies) น้อยลงเพื่อบีบให้คนออกจากโรงพยาบาล" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
"การเอาแต่นิ่งเฉยนั้นถือเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้และสภาคองเกรสต้องจัดหางบประมาณที่เราจำเป็นต้องใช้เป็นการด่วนเพื่อปกป้องชาวอเมริกันและต่างชาติ" เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายเดิมกล่าวเสริม
สำนักข่าวซินหัวได้ออกมาเปิดเผยการคาดการณ์ของนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อระดับสูงของสหรัฐเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ว่า ไวรัส BA.2 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนนั้น มีแนวโน้มจะกระตุ้นให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นทั่วสหรัฐ
"ผมจะไม่แปลกใจเลยหากยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น" นายแพทย์เฟาซี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการแพทย์ของทำเนียบขาวกล่าว พร้อมเสริมว่า วิธีการที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าวก็คือ "ให้คนไปฉีดวัคซีนมากขึ้น"
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมในสหรัฐแตะเกือบ 81 ล้านคนแล้ว โดยในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตกว่า 991,000 คน