เจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธ 2 ลูกถล่มกรุงเคียฟในระหว่างที่นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) เดินทางเยือนยูเครน โดยการยิงถล่มดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานหลังจากนายกูเตอร์เรสเสร็จสิ้นการเจรจาร่วมกันประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า สถานการณ์ในกรุงเคียฟซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครนยังคงเปราะบาง
แม้ว่ากองทัพรัสเซียได้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่รอบนอกของกรุงเคียฟเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากที่ไม่สามารถยึดครองกรุงเคียฟและหันไปโจมตีแคว้นดอนบาสอย่างหนัก แต่เจ้าหน้าที่ยูเครนยืนยันว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธ 2 ลูกถล่มกรุงเคียฟในระหว่างการเยือนของเลขาธิการ UN ขณะที่ปธน.เซเลนสกีกล่าวว่า การยิงจรวดครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า สงครามยังไม่สิ้นสุด
เจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยว่า ขีปนาวุธลูกหนึ่งถูกยิงเข้าใส่เขตเชฟเชนโกในกรุงเคียฟ และอีกลูกหนึ่งถูกยิงเข้าใส่อาคารที่อยู่อาศัยสูง 25 ชั้น ส่งผลให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 10 ราย
ทั้งนี้ ประเทศมหาอำนาจฝั่งตะวันตกเชื่อว่า การโจมตีเมืองมาริอูโพล รวมทั้งพื้นที่อื่น ๆ ในฝั่งตะวันออกและทางตอนใต้ของยูเครนนั้น จะเป็นตัวกำหนดว่าผลของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนจะออกมาเช่นไร
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสเพิ่มงบช่วยเหลืออีก 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ของยูเครนในการปกป้องตนเองจากรัสเซียในช่วงหลายสัปดาห์และหลายเดือนข้างหน้า
คำขอดังกล่าวรวมถึงเงินราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับความช่วยเหลือทางทหารให้กับยูเครน และสำหรับความพยายามของสหรัฐในการเสริมสร้างความมั่นคงของยุโรปโดยร่วมมือกับชาติพันธมิตรที่เป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ตลอดจนชาติพันธมิตรอื่น ๆ ในภูมิภาค
นอกจากนี้ ยังรวมถึงเงินช่วยเหลือทางเศรษฐกิจมูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อรับประกันว่า รัฐบาลยูเครนยังคงทำหน้าที่และให้บริการขั้นพื้นฐานแก่พลเมืองของตนได้ ตลอดจนเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 3 พันล้านดอลลาร์ เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงด้านอาหาร อันเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็น 2 ชาติผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่