สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มาตรการดังกล่าวถือเป็นมาตรการชุดแรกที่คว่ำบาตรบริษัทก๊าซพรอม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกก๊าซรายใหญ่ของรัสเซียและเป็นบริษัทแม่ของธนาคารก๊าซพรอมแบงก์ ขณะที่สหรัฐและชาติพันธมิตรเลี่ยงที่จะใช้มาตรการที่ทำให้การส่งก๊าซไปยุโรปหยุดชะงัก
ทางด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐให้สัมภาษณ์ว่า "มาตรการครั้งนี้ไม่ได้เป็นการคว่ำบาตรอย่างเต็มรูปแบบ เราไม่ได้อายัดทรัพย์สินของธนาคารก๊าซพรอมแบงก์ และไม่ได้ห้ามทำธุรกรรมกับธนาคาร ... สิ่งที่เราต้องการบอกก็คือว่า ก๊าซพรอมแบงก์ไม่ใช่สถานที่ ๆ ปลอดภัยสำหรับสินทรัพย์ และเราเลือกคว่ำบาตรเฉพาะผู้บริหารระดับสูงบางส่วนเพื่อสร้างความหวาดหวั่น"
นอกจากนี้ สหรัฐยังเพิ่มผู้บริหารอีก 8 รายของสเบอร์แบงก์ (Sberbank) ซึ่งถือครองทรัพย์สินรวมกันคิดเป็น 1 ใน 3 ของภาคธนาคารรัสเซียลงในบัญชีคว่ำบาตรด้วย ขณะที่ธนาคารมอสโก อินดัสเทรียล แบงก์ (Moscow Industrial Bank) และหน่วยงานในเครืออีก 10 แห่งยังถูกเพิ่มชื่อในบัญชีคว่ำบาตรเช่นกัน
เจ้าหน้าที่สหรัฐยังระบุว่า มาตรการควบคุมการส่งออกชุดใหม่มีเป้าหมายมุ่งลดระดับความพยายามของปธน.ปูตินในการก่อสงคราม ซึ่งครอบคลุมถึงการควบคุมการส่งออกเครื่องจักรอุตสาหกรรม, รถแทรกเตอร์, สินค้าประเภทไม้, มอเตอร์ และพัดลม ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) เองก็กำลังเร่งดำเนินการควบคุมการส่งออกสินค้าเคมีภัณฑ์เพิ่มเติมที่ส่งไปยังกองทัพรัสเซียโดยตรง
ทั้งนี้ มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำของรัสเซีย ที่มีคำสั่งเปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อยูเครน โดยเกิดขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้หารือทางออนไลน์ กับผู้นำกลุ่ม G7 รวมถึงประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนเกี่ยวกับสงครามกับรัสเซีย