นางมาเรีย เรสซา นักข่าวสาวชาวฟิลิปปินส์เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2564 ออกโรงเตือนว่า หากนายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้จะเป็นการสานต่อการกระจายข้อมูลเท็จจนอาจกระทบการเลือกตั้งในสหรัฐและบราซิลได้
ทั้งนี้ นางเรสซาได้ให้สัมภาษณ์กับนางฮัสลินดา อามินผ่านทางสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก ทีวีในวันนี้ (9 พ.ค.) ว่าชาวฟิลิปปินส์จะไม่ใช่ชาติเดียวที่ได้รับผลกระทบ หากตระกูลมาร์กอสกลับมาเรืองอำนาจจากการเลือกตั้งในครั้งนี้
นางเรสซากล่าวว่า "บทเรียนเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าฟิลิปปินส์คือโดมิโนตัวสำคัญที่ล้มลงก่อนจะตามมาด้วยเหตุการณ์ประกาศแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit), ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในสหรัฐ และโบลโซนารูได้ขึ้นเป็นปธน.บราซิล สิ่งเหล่านี้อาจกลับมาหากฟิลิปปินส์ล้มลงอีกครั้ง การเลือกตั้งที่บราซิลในเดือนตุลาคมนี้และการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน"
ผลสำรวจช่วงก่อนการเลือกตั้งพบว่านายมาร์กอส จูเนียร์ได้รับคะแนนนิยมท่วมท้นมาเป็นอันดับหนึ่งจากความพยายามในการใช้โฆษณาชวนเชื่อผ่านทางออนไลน์ โดยเปลี่ยนประวัติศาสตร์การใช้กฏอัยการศึกอันโหดร้ายของผู้เป็นบิดาให้เป็นยุคทองของฟิลิปปินส์และการสนับสนุนจากกลุ่มอำนาจทางการเมืองที่ทรงอิทธิพล
นางเรสซาชี้ว่าคะแนนนิยมของนายนายมาร์กอส จูเนียร์นั้นมีรากฐานมาจากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่เริ่มต้นขึ้นในปี 2557 ซึ่งประจวบเหมาะกับความพยายามในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของวงศ์ตระกูลของเขาในระดับชาติ แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ในศึกชิงตำแหน่งรองปธน.ให้กับนางมาเรีย ลีโอนอร์ โรเบรโดในปี 2559 แต่เครือข่ายเหล่านั้นก็แสดงให้เห็นว่า การปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสารเชิงระบบนั้น "สามารถสร้างผลกระทบและบิดเบือนข้อเท็จจริง" ได้
นางเรสซาเป็นผู้ก่อตั้งแรปป์เลอร์ (Rappler) เว็บไซต์ข่าวสื่อออนไลน์ฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับความชื่นชมในระดับนานาชาติจากผลงานการสืบสวนการกระทำผิดของตำรวจจากนโยบายปราบปรามยาเสพติดขั้นเด็ดขาดของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต นอกจากนี้ แรปป์เลอร์ยังได้ทำการรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลเท็จที่จัดทำโดยกลุ่มผู้สนับสนุนและเครือข่ายที่เชื่อมโยงไปยังปธน.ดูเตอร์เต ตลอดจนนายมาร์กอส จูเนียร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้อีกด้วย