นายนิลันธา เปรมรัตนะ โฆษกกองทัพศรีลังกาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ขณะนี้กองทัพปฏิเสธการใช้กฏอัยการศึกโดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์เบื้องต้นสงบลงแล้ว หลังจากที่ทางกองทัพได้นำกำลังทหารเข้าไปช่วยเหลือตำรวจในการรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมทั้งแนะนำให้ประชาชนเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ที่บ้าน
รายงานระบุว่า ทางกองทัพได้ส่งกำลังทหารเข้ามา หลังมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 รายจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ยืดเยื้อจนถึงช่วงเช้าวานนี้ (10 พ.ค.) โดยในจำนวนนี้มีตำรวจสองนาย, สมาชิกสภานิติบัญญัติในพรรครัฐบาลหนึ่งราย, และนายกเทศมนตรีหนึ่งราย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ายานพาหนะถูกเผา รวมถึงเสียหายอีกกว่า 100 คัน
ทางการศรีลังกายังจ่อขยายมาตรการเคอร์ฟิวทั่วประเทศไปจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้ (12 พ.ค.) พร้อมทั้งขู่ว่ากองทัพจะยิงผู้ที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน หลังการประท้วงนานนับสัปดาห์เรื่องวิกฤติการขาดแคลนอาหารและพลังงานนำไปสู่ความรุนแรงเมื่อเร็ว ๆ นี้
ด้านประธานาธิบดีโคฐาภยะ ราชปักษะ ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนชาวศรีลังกาสามัคคีกันพร้อมทั้งขอร้องให้ยุติ "ความพยายามล้มล้าง" ซึ่งจะเป็นการนำประเทศไปสู่ความแตกแยกทางเชื้อชาติและศาสนา
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังคงยืนยันที่จะดำเนินการหารือเชิงเทคนิคระหว่างเจ้าหน้าที่ของ IMF และเจ้าหน้าที่ศรีลังกาต่อไป เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจากับรัฐบาลชุดใหม่ของศรีลังกา แม้ยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองศรีลังกาที่ยัง "ไม่สงบและอาจรุนแรงขึ้น" ก็ตาม
ทั้งนี้ นายมหินทะ ราชปักษะ พี่ชายของปธน.โคฐาภยะ ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (9 พ.ค.) เนื่องจากมีเหตุปะทะกันระหว่างผู้สนับสนุนและผู้ต่อต้านรัฐบาล จนทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว และบาดเจ็บอีกกว่า 200 ราย