กลุ่มผู้สนับสนุนให้มีการควบคุมอาวุธปืนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจไบเดน ผู้นำสหรัฐ ใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้นเพื่อควบคุมความรุนแรงที่เกิดจากอาวุธปืน หลังเกิดเหตุกราดยิงโรงเรียนประถมในรัฐเท็กซัส ขณะที่ทำเนียบขาวพยายามกดดันให้สภาคองเกรสผ่านกฎหมายควบคุมปืน เนื่องจากกฎหมายจะส่งผลกระทบได้มากกว่ามาตรการจากคำสั่งฝ่ายบริหาร
กลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านการควบคุมอาวุธปืนกล่าวว่า ทำเนียบขาวได้พูดคุยกับทางกลุ่มนับตั้งแต่เกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถม Robb Elementary School ในเมืองยูวัลดี รัฐเท็กซัส เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (24 พ.ค.) ซึ่งนายซัลวาดอร์ รามอส วัย 18 ปี ผู้ก่อเหตุ ใช้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 สังหารนักเรียนชั้นประถม 19 รายและครู 2 ราย ก่อนที่จะถูกตำรวจวิสามัญ ถือเป็นเหตุกราดยิงในโรงเรียนครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบเกือบทศวรรษ
ทางกลุ่มเรียกร้องว่าหากฝ่ายนิติบัญญัติไม่ผ่านกฎหมายควบคุมปืนที่จะอุดช่องโหว่ในกฎหมายปัจจุบัน ก็ขอให้ปธน.ไบเดนออกประกาศฉุกเฉินเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดจากปืน แต่งตั้งผู้ตรวจการควบคุมการใช้ความรุนแรงจากปืน สนับสนุนให้ยกเลิกการเตะถ่วงกฎหมายในวุฒิสภาหากจำเป็น และให้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อให้มีการตรวจสอบประวัติการซื้ออาวุธปืน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ขณะนี้ คณะบริหารของปธน.ไบเดนพยายามกดดันให้สภาคองเกรสผ่านกฎหมายควบคุมปืนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบที่ยั่งยืนกว่าการดำเนินการจากฝ่ายบริหาร โดยทำเนียบขาวได้ติดต่อกับบุคคลระดับสูงจากพรรคเดโมแครตในสภาฯเพื่อหารือถึงขั้นตอนต่อไปเกี่ยวกับกฎหมายอาวุธปืน
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายจากพรรคเดโมแครตกำหนดให้มีการตรวจสอบประวัติ ตลอดจนสั่งแบนปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ และออกมาตรการควบคุมปืนให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี เดโมแครตล้มเหลวในการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวมาเป็นเวลานับสิบปีในสภาฯ หลังเผชิญเสียงคัดค้านจากพรรครีพับลิกัน รวมถึงจากพรรคเดโมแครตสายกลางและส.ส.อิสระบางราย พรรคเดโมแครตกล่าวในสภาฯเมื่อวันพุธ (25 พ.ค.) ว่าทางพรรคจะลองเสนอกฎหมายดังกล่าวอีกครั้ง
"ปธน.ไบเดนยังทำไม่มากพอ" นายเดวิด ฮ็อกก์ ผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงโรงเรียนมัธยมปลายในเมืองพาร์กแลนด์ รัฐฟลอริดา กล่าวเมื่อวันพุธ