ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเปิดเผยว่า เขายินดีที่บริษัทต่างชาติบางส่วนถอนตัวออกจากรัสเซีย เพราะจะเปิดโอกาสให้ธุรกิจในประเทศเข้ามาเติบโตแทนที่ นอกจากนี้ยังเตือนบรรดาชาติตะวันตกว่า รัสเซียจะยังคงหาทางเพื่อซื้อสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงและสินค้าหรู
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นับตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครน บริษัทข้ามชาติหลายแห่ง รวมทั้งบีพีและแมคโดนัลด์ พากันแห่ถอนธุรกิจออกจากรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศประสบภาวะถดถอยอย่างรุนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต
ขณะที่ปธน.ปูตินมองว่า การใช้ปฏิบัติการทางทหารบุกยูเครนจะเป็นจุดเปลี่ยนบนหน้าประวัติศาสตร์ของรัสเซีย ซึ่งแสดงถึงการต่อต้านสหรัฐ โดยเขาระบุว่า ทำให้รัสเซียต้องเสียเกียรติมาตั้งแต่ปี 2534 ซึ่งสหภาพโซเวียตล่มสลายลง
"การที่บริษัทต่างชาติถอนธุรกิจออกไป เราต้องขอบคุณพระเจ้า จริงไหม? เพราะเราจะได้ครองตลาดแทนเหล่านั้น ธุรกิจและภาคการผลิตของเราเองก็เติบโตขึ้นมาแล้ว และจะอยู่ในสถานะที่มั่นคงหลังผ่านการเตรียมพร้อมจากพันธมิตรของเรา" ปธน.ปูตินกล่าวผ่านวิดีโอลิงก์กับบรรดาผู้นำประเทศที่เคยเป็นสมาชิกอดีตสหภาพโซเวียต
นอกจากนี้ ปธน.ปูตินยังระบุว่า ความพยายามของชาติตะวันตกที่จะโดดเดี่ยวรัสเซียนั้นจะไม่สำเร็จ เพราะประเทศพัฒนาแล้วก็กำลังเผชิญภาวะเงินเฟ้อ ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และวิกฤตขาดแคลนอาหาร เนื่องจากศูนย์กลางอำนาจทางเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนขั้วไปเอเชียแล้ว
ทั้งนี้ มาตรการที่ชาติตะวันตกใช้คว่ำบาตรรัสเซียนั้นส่งผลให้ภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้ห่วงโซ่อุปทานได้รับผลกระทบตามไปด้วย อย่างไรก็ดี ปธน.ปูตินเชื่อว่ารัสเซียสามารถรับมือกับการคว่ำบาตรได้ โดยขณะนี้รัสเซียหันไปหาจีน อินเดีย และขั้วอำนาจอื่น
"ตัวแทนภาคธุรกิจของเรานั้นเผชิญปัญหา โดยเฉพาะด้านห่วงโซ่อุปทานและการขนส่ง แต่ถึงอย่างนั้น เราเชื่อว่าทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ และทุกอย่างสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้" ปธน.ปูตินกล่าว