รัสเซียและจีนใช้สิทธิยับยั้งมติในการออกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพิ่มเติมขององค์การสหประชาชาติ (UN) เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.) ทำให้นางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำ UN ตำหนิว่าเป็นเรื่องอันตรายและน่าผิดหวัง รวมทั้งยังส่งเสริมให้เกาหลีเหนือพัฒนาระบบขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์อีกด้วย
ทั้งนี้ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธกว่าสิบครั้งในปีนี้ ซึ่งการกระทำทั้งหมดละเมิดมติของ UN และเจ้าหน้าที่สหรัฐเรียกร้องให้ประชาคมโลกออกมาตรการลงโทษเพิ่มเติม
มติคว่ำบาตรฉบับดังกล่าวนั้นจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุน 9 เสียงและต้องไม่มีประเทศสมาชิกถาวร ได้แก่ รัสเซีย, จีน, ฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร หรือสหรัฐ ใช้สิทธิยับยั้ง จึงจะได้รับการอนุมัติโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ขณะที่สมาชิกอีก 13 ประเทศของ UNSC ลงคะแนนรับรองมติดังกล่าว
นางโธมัส-กรีนฟิลด์ประณามการใช้สิทธิยับยั้งจากรัสเซียและจีน ซึ่งไม่ได้ดำเนินการสกัดมติคว่ำบาตรทั้ง 9 ฉบับก่อนหน้านี้นับตั้งแต่ปี 2549 โดยระบุว่า ภัยคุกคามจากโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
"เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่สมาชิก UNSC ใช้สิทธิยับยั้งในการสกัดมติลงโทษเกาหลีเหนือสำหรับการพัฒนาอาวุธแบบผิดกฎหมาย โดยการใช้สิทธิยับยั้งครั้งล่าสุดนี้ถือเป็นเรื่องอันตราย ประเทศสมาชิกเหล่านี้เลือกจุดยืนที่ไม่เพียงบั่นทอนการดำเนินการครั้งก่อนหน้านี้ของ UNSC แต่ยังบั่นทอนความมั่นคงของพวกเราโดยรวม"
"สมาชิก UNSC เหล่านี้ตัดสินใจที่จะปกป้องผู้พัฒนาอาวุธจากการถูกลงโทษและพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความไร้ค่าในคำพูดของพวกเขาโดยการอนุญาตให้เกาหลีเหนือเดินหน้าพัฒนาอาวุธต่อไป"