สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ เรียกร้องให้สภาคองเกรสออกมาตรการควบคุมอาวุธสงครามประเภทต่าง ๆ ที่ใช้ในเหตุกราดยิง หลังจากที่นายไบเดนเพิ่งไปเยือนโรงเรียนประถม Robb Elementary School ในรัฐเท็กซัส เพื่อไว้อาลัยแก่เด็กและครูผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงทั้ง 21 คน
อย่างไรก็ดี นายไบเดนกล่าวว่า ตัวเขาในฐานะปธน.ก็มีข้อจำกัดในเรื่องการควบคุมปืน
"ผมไม่สามารถบงการในเรื่องนี้ได้ สิ่งใดที่ทำได้และการดำเนินการใด ๆ จากฝ่ายบริหารที่ทำได้ ผมก็ได้ทำไปแล้วและจะทำต่อไป แต่ผมไม่สามารถประกาศให้อาวุธเป็นสิ่งผิดกฎหมายได้ ผมเปลี่ยนการตรวจสอบประวัติไม่ได้ ไม่อาจทำได้" นายไบเดนแถลงต่อผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (30 พ.ค.)
"เรื่องต่าง ๆ เลวร้ายลงเสียจนทุกคนมีเหตุมีผลมากขึ้นในเรื่องนี้ ความคิดที่ว่าจะนำอาวุธอานุภาพสูงเหล่านี้มาใช้เพื่อป้องกันตัวเองหรือใช้ล่าสัตว์นั้น ไม่มีความสมเหตุสมผลเลย" นายไบเดนกล่าว
พรรคเดโมแครตส่งสัญญาณว่าจะยอมให้มีมาตรการควบคุมปืนในระดับที่จำกัดได้ อย่างน้อยก็ให้มีการดำเนินการเพื่อลดจำนวนการเสียชีวิตด้วยปืน ขณะเดียวกัน นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน ขอให้นายจอห์น คอร์นิน ส.ว.รีพับลิกันแห่งรัฐเท็กซัส พยายามหาทางให้พรรคยอมประนีประนอมกับเดโมแครตในเรื่องนี้
นายไบเดนกล่าวว่า เขาถือว่านายแมคคอนเนลล์และนายคอร์นินเป็นรีพับลิกันที่ "มีเหตุผล" แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้เจรจากับใครในพรรครีพับลิกันเลยก็ตาม โดยนายไบเดนกล่าวเสริมว่า การคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐสำหรับการครอบครองอาวุธปืนนั้น "ไม่เคยให้สิทธิ์อย่างเด็ดขาด" และว่า "คุณไม่สามารถซื้อปืนใหญ่ได้เมื่อคราวที่มาตรา 2 ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมได้กลายเป็นกฎหมาย"
ทั้งนี้ เหตุกราดยิงรร.ประถมโดยชายวัย 18 ปีที่เมืองยูวัลดี รัฐเท็กซัส เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น ส่งผลให้ฝ่ายนิติบัญญัติต้องการควบคุมปืนมากยิ่งขึ้น โดยนับตั้งแต่เกิดเหตุ ส.ว.สหรัฐได้หารือกันเรื่องการควบคุมปืนโดยเน้นไปที่ "กฎหมายธงแดง" ซึ่งระบุว่า หากมีบุคคลที่แสดงพฤติกรรมรุนแรง กฎหมายนี้จะอนุญาตให้คนในครอบครัวหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถขอให้ศาลเพิกถอนสิทธิการครอบครองปืนของบุคคลนั้นได้ชั่วคราว