นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (31 พ.ค.) ว่า EC กำลังทำงานอย่างหนักในการสร้าง "ช่องทางร่วมใจ" เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการส่งออกอาหารจากยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธัญพืชกว่า 20 ล้านตันในยูเครนที่ไม่สามารถส่งออกได้เนื่องจากภาวะสงครามในประเทศ
"การส่งออกข้าวสาลีถือเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ แม้จะต้องเผชิญกับต้นทุนสูงขึ้นก็ตาม" นางฟอน เดอร์ เลเยนกล่าวในวันสุดท้ายของงานประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (EU) วาระพิเศษ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า EC ได้เสนอที่จะจัดตั้งสิ่งที่เรียกว่า "ช่องทางร่วมใจ" ในช่วงต้นเดือนพ.ค. เพื่อทำให้แน่ใจว่ายูเครนสามารถส่งออกและนำเข้าสินค้าจำเป็นได้ ตั้งแต่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปจนถึงอาหารสัตว์และปุ๋ย หลังท่าเรือของยูเครนถูกปิดกั้น เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
กลุ่มผู้นำ EU ได้เรียกร้องให้รัสเซียยกเลิกการปิดกั้นท่าเรือออกสู่ทะเลดำของยูเครน และยอมให้มีการส่งออกอาหาร โดยนางฟอน เดอร์ เลเยนระบุว่า EU จะเพิ่มการผลิตอาหารของตนเอง และคาดว่าจะส่งออกพืชได้มากเป็นประวัติการณ์ที่ 40 ล้านตันในระหว่างปี 2565-2566
นางฟอน เดอร์ เลเยนกล่าวว่า "เราขอเรียกร้องให้พันธมิตรทั้งหมดของเราหลีกเลี่ยงการจำกัดการซื้อขายสินค้าเกษตร การกำหนดข้อจำกัดการซื้อขายทุกประเภทไม่ควรมีอยู่ ทั้งใน EU และทั่วโลก"
ในระหว่างการประชุมสุดยอดครั้งนี้ กลุ่มผู้นำ EU ยังได้บรรลุข้อตกลงที่จะห้ามการนำเข้าน้ำมันของรัสเซียมายัง EU ให้ถึง 90% ภายในสิ้นปีนี้
นางฟอน เดอร์ เลเยนเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องที่ EU มองหา "ซัพพลายเออร์น้ำมันที่ไว้วางใจได้มากขึ้น" โดยระบุว่า ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่นำเข้าจากส่วนอื่นของโลกนอกเหนือจากรัสเซียเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 เมื่อเทียบรายปี