สำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) เปิดเผยว่า อิหร่านได้แจ้งว่าจะถอดกล้องวงจรปิด 27 ตัวออกจากโรงงานนิวเคลียร์ โดย IAEA เตือนว่าการกระทำดังกล่าวอาจทำลายโอกาสการฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2558
นายราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการ IAEA กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) ว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของอิหร่าน "เป็นอุปสรรคร้ายแรงต่อความสามารถของเราที่จะทำงานที่นั่นต่อไป"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของอิหร่านมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่การประชุมคณะกรรมการ IAEA มีมติให้ตำหนิอิหร่าน โทษฐานที่ไม่พิทักษ์ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์
สหรัฐ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส และเยอรมนี ได้เสนอมติดังกล่าวหลังจากที่ IAEA มีรายงานเมื่อไม่นานมานี้ว่า อิหร่านไม่ได้ให้ "คำอธิบายที่น่าเชื่อถือทางเทคนิค" ว่าทำไมจึงมีอนุภาคยูเรเนียมปรากฏในโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งที่ไม่ได้แจ้ง
นายกรอสซีกล่าวว่า กล้องวงจรปิดมากกว่า 40 ตัวจะยังคงใช้งานต่อไปในอิหร่านหลังจากนี้ โดยเตือนว่าหากเราไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการนำกล้องทั้งหมดกลับมาติดอีกครั้งได้ภายใน 3-4 สัปดาห์ "นี่อาจเป็นหายนะร้ายแรง" ต่อความหวังในการฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ทั้งนี้ อิหร่านลงนามในข้อตกลงนิวเคลียร์กับกลุ่มประเทศมหาอำนาจในเดือนก.ค. 2558 ที่เรียกว่า "ข้อตกลงแผนปฏิบัติการร่วมที่สมบูรณ์แบบในระยะยาว" (JCPOA) โดยอิหร่านตกลงที่จะระงับโครงการนิวเคลียร์บางส่วนเพื่อแลกกับการยกเลิกการคว่ำบาตรที่นำโดยสหรัฐ อย่างไรก็ตาม นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ได้นำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงในเดือนพ.ค. 2561 และบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านฝ่ายเดียวอีกครั้ง เป็นเหตุให้อิหร่านลดการให้ความร่วมมือในด้านนิวเคลียร์บางส่วนภายใต้ JCPOA