รัสเซียประกาศกับกองกำลังยูเครนซึ่งยึดโรงงานเคมีแห่งหนึ่งในเมืองซีวีโรโดเนสก์เป็นฐานที่มั่น ให้วางอาวุธและยอมแพ้ในเช้าวันนี้ (15 มิ.ย.) ซึ่งบ่งชี้ว่า กองทัพรัสเซียมีความได้เปรียบในการรุกคืบเข้าควบคุมพื้นที่ด้านตะวันออกของยูเครน
ขณะเดียวกัน กองกำลังยูเครนได้ร้องขออาวุธหนักจากชาติตะวันตกมาเสริมทัพ หลังจากที่รัสเซียได้ระดมสรรพกำลังจำนวนมากมายังทิศตะวันออกของภูมิภาคดอนบาส ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องดังกล่าวคาดว่าจะถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมของนาโต ณ กรุงบรัสเซลส์ในวันนี้
ทางการยูเครนเปิดเผยว่า มีพลเรือนกว่า 500 คนติดอยู่ในโรงงานเคมีอาซ็อต (Azot) พร้อมกับกองกำลังยูเครนที่ต่อต้านการโจมตีของรัสเซียเป็นเวลานานกว่าหลายสัปดาห์ จนทำให้เมืองซีวีโรโดเนสก์เหลือเพียงซากปรักหักพัง
พลเอกมิคาอิล มิซินต์เซฟ ผู้บัญชาการศูนย์บริหารการป้องกันประเทศของรัสเซียกล่าวว่า เหล่านักสู้ทั้งหลายควร "วางอาวุธและยุติการต่อต้านที่ไร้ประโยชน์" เมื่อเวลาประมาณ 8.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของรัสเซีย พร้อมทั้งยืนยันว่า "พลเรือนจะได้รับการอพยพออกไปตามเส้นทางระเบียงมนุษยธรรม"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การทิ้งระเบิดที่เขตโรงงานเคมีอาซ็อต สะท้อนให้เห็นถึงภาพการปิดล้อมโรงงานถลุงเหล็กอาซอฟสตาล (Azovstal) ในเมืองมาริอูโพลก่อนหน้านี้ ซึ่งทหารและพลเรือนหลายร้อยคนต่างหลบภัยจากคมกระสุนของรัสเซีย และผู้ที่ยอมจำนนในช่วงกลางเดือนพ.ค. ถูกจับตัวไปเป็นเชลยศึกของรัสเซีย
ส่วนการบุกโจมตีของรัสเซียที่เมืองซีวีโรโดเนสก์ในแคว้นลูฮันสก์ในครั้งนี้ ได้เปลี่ยนให้เมืองซึ่งเคยมีประชากรเกือบ 100,000 คนในช่วงก่อนสงครามกลายเป็นจุดศูนย์กลางการปะทะที่เรียกว่า สนามรบแห่งดอนบาส