นายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเปิดเผยว่า ออสเตรเลียกำลังพิจารณาที่จะเปิดสถานทูตออสเตรเลียในกรุงเคียฟอีกครั้ง โดยหวังที่จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในชาติพันธมิตรหลายประเทศที่เริ่มเปิดสถานทูตในยูเครนอีกครั้ง หลังจากได้เรียกนักการทูตกลับประเทศเมื่อรัสเซียเปิดฉากบุกยูเครน
นายอัลบาเนซีให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต (NATO) ว่า "เราอยากจะอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเหลือ และสร้างจุดยืนที่หนักแน่น ออสเตรเลียกำลังพิจารณาเรื่องนั้น ผมมีเรื่องจะพูดอีกมากในหลายสัปดาห์ข้างหน้า"
ทั้งนี้ ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในหลายชาติที่ไม่ใช่สมาชิกนาโต แต่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมที่มีขึ้นในวันที่ 29-30 มิ.ย.
เมื่อไม่นานมานี้ สมาชิกนาโตหลายชาติ รวมถึงสหรัฐได้เริ่มเรียกตัวนักการทูตกลับสู่กรุงเคียฟ เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับยูเครน หลังจากที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
รัสเซียระบุว่า การบุกยูเครนเป็น "ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร" เพื่อปลดอาวุธยูเครนและปกป้องยูเครนจากกลุ่มฟาสซิสต์ อย่างไรก็ตาม ยูเครนและชาติตะวันตกระบุว่า ข้อกล่าวหาเรื่องฟาสซิสต์นั้นไม่มีมูลความจริง และสงครามเป็นการใช้ความรุนแรงโดยไม่ได้ถูกยั่วยุ
นอกจากนี้ นายอัลบาเนซียังได้กล่าวประณามเหตุการณ์ที่รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีห้างสรรพสินค้าของยูเครนในเมืองคราเมนชูกซึ่งอยู่ห่างจากแนวสู้รบอย่างมาก โดยเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย
"เป็นการโจมตีพลเรือน สิ่งนี้ตอกย้ำถึงความโหดร้ายของการก่อสงครามที่ผิดกฎและรุนแรงของรัสเซีย และเป็นสาเหตุที่ต้องหยุดการกระทำนั้น" นายอัลบาเนซีกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดที่ไม่ใช่สมาชิกนาโตที่ช่วยชาติตะวันตกสนับสนุนยูเครน โดยได้ให้การช่วยเหลือและจัดหาอุปกรณ์ป้องกันประเทศ และสั่งห้ามการส่งออกแร่อะลูมินาและแร่อะลูมิเนียม รวมถึงแร่บอกไซต์ให้กับรัสเซีย และยังได้ทำการคว่ำบาตรบุคคลและองค์กรรัสเซียอีกจำนวนหลายร้อยราย