ประธานาธิบดีกิลเลอโม แลสโซ ผู้นำเอกวาดอร์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 30 วัน ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอาซัว, อิมบาบูรา, ซูกุมบิโอส และโอเรลลานา เนื่องจากการประท้วงที่รุนแรงขึ้น
"การประกาศภาวะฉุกเฉินในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเหตุความรุนแรง ซึ่งบ่อยครั้งมักเกิดขึ้นตามมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อระเบียบของสังคม มีการทำลายพื้นที่และทรัพย์สินต่าง ๆ คุกคามความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงส่งผลกระทบต่ออุปทานด้านการแพทย์และอาหารหยุดชะงักลง" ปธน.แลสโซประกาศในกฎหมายกฤษฎีกาซึ่งออกโดยสำนักเลขาธิการฝ่ายการสื่อสาร ประจำทำเนียบประธานาธิบดี
ทั้งนี้ กำลังพลของกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของเอกวาดอร์จะถูกส่งลงพื้นที่ 4 จังหวัดดังกล่าว เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและดูแลความปลอดภัยของประชาชน
การประกาศภาวะฉุกเฉินในครั้งนี้จะส่งผลให้สิทธิในการเข้าร่วมกลุ่มอย่างเสรีถูกจำกัดลง และมีการประกาศเคอร์ฟิวไปเมื่อคืนวันพุธด้วย
ส่วนในจังหวัดโอเรลลาและจังหวัดซูกุมบิโอสได้มีการประกาศเป็น "เขตรักษาความปลอดภัย" ซึ่งสองจังหวัดนี้มีบ่อน้ำมันและโรงกลั่นน้ำมันตั้งอยู่หลายแห่ง
ทั้งนี้ เอกวาดอร์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 หลังเกิดการประท้วงทั่วประเทศเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่สมาพันธ์ชนพื้นเมืองของเอกวาดอร์ (CONAIE) ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยอมรับข้อเรียกร้องต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงลดราคาน้ำมันดีเซลและเบนซินลง 40 เซนต์
ทางด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติของเอกวาดอร์รายงานว่า จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุประท้วงแล้ว 6 ราย และถูกจับกุมอีก 150 รายฐานก่อความรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 228 รายจากการปะทะกับผู้ชุมนุม รถตำรวจ 11 คัน และสถานีตำรวจ 11 แห่งถูกทำลาย