ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดแห่งอินโดนีเซียได้เสร็จสิ้นภารกิจเยือนยูเครนและรัสเซีย โดยคาดหวังว่าสถานการณ์อาหารและปุ๋ยทั่วโลกจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หลังได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งของสองชาติดังกล่าว พร้อมเสนอเป็นตัวกลางทางการทูตเพื่อช่วยสมานรอยร้าวระหว่างสองประเทศ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปธน.วิโดโดซึ่งเป็นประธานกลุ่ม G20 ในปีนี้ แสดงความหวังดังกล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียหลังเสร็จสิ้นการประชุมระดับทวิภาคีในวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) โดยผู้นำอินโดนีเซียเพิ่งเดินทางเยือนกรุงเคียฟในวันพุธ (29 มิ.ย.) และได้พบปะกับประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครน
"ผมรู้สึกซาบซึ้งใจในตัวท่านประธานาธิบดีปูตินจริง ๆ เขาสัญญากับผมว่า จะรับประกันเรื่องความมั่นคงทางอาหารและปุ๋ยทั้งจากรัสเซียและยูเครน นี่ถือเป็นข่าวดี" ปธน.วิโดโดกล่าว
"เพื่อมนุษยชาติแล้ว ผมสนับสนุนความพยายามของสหประชาชาติ (UN) ในการนำอาหารและปุ๋ยของรัสเซีย และอาหารของยูเครนกลับเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของโลกอีกครั้ง"
ขณะเข้าร่วมการประชุม G7 ที่เยอรมนีในสัปดาห์นี้ ปธน.วิโดโดเรียกร้องให้ผู้นำกลุ่ม G7 รับประกันว่า การคว่ำบาตรรัสเซียจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานอาหารและปุ๋ย
สงครามในยูเครนสร้างภาวะชะงักงันครั้งใหญ่ให้กับการค้าโลก โดยราคาธัญพืชและข้าวสาลีพุ่งทะยานขึ้นท่ามกลางการปิดล้อมท่าเรือยูเครน และการคว่ำบาตรสินค้าโภคภัณฑ์ของรัสเซีย อาทิ น้ำมัน, ก๊าซ และปุ๋ย
อย่างไรก็ดี ในการแถลงข่าวร่วมกับปธน.วิโดโดนั้น ปธน.ปูตินได้ปฏิเสธเกี่ยวกับกรณีที่ว่า รัสเซียได้สกัดกั้นการส่งออกธัญพืชยูเครน
"กองทัพยูเครนได้จัดทำเส้นทางเพื่อไปยังท่าเรือของพวกเขา ไม่มีใครขัดขวางพวกเขาจากการเคลียร์ทุ่นระเบิด และเรารับประกันความปลอดภัยในการส่งออกธัญพืชจากท่าเรือเหล่านั้น" ปธน.ปูตินกล่าว