นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐจะหารือเกี่ยวกับการจัดหาพลังงาน, สิทธิมนุษยชน และความร่วมมือด้านความมั่นคงกับซาอุดีอาระเบียในวันนี้ (15 ก.ค.) ในการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกัน ขณะที่ครั้งหนึ่งเขาเคยลั่นวาจาว่าจะทำให้ซาอุดีอาระเบียเป็น "ประเทศนอกคอก" บนเวทีโลก
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐเปิดเผยกับบรรดานักข่าวว่า นายไบเดนมีกำหนดจะพบกับกษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ และมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน (หรือ MbS) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทางการคนอื่น ๆ โดยการพบปะครั้งนี้จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดทั้งด้านภาษากายและวาทศิลป์ หลังหน่วยข่าวกรองสหรัฐสรุปว่า MbS เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังกรณีการฆาตกรรมนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวของวอชิงตันโพสต์ในปี 2561 ในขณะที่มกุฎราชกุมารยังคงปฏิเสธ
ด้านที่ปรึกษาทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะบอกว่า ไบเดนจะจับมือกับเจ้าชาย ผู้ปกครองโดยพฤตินัยของราชอาณาจักรหรือไม่ โดยระบุเพียงว่า "ท่านประธานาธิบดีจะพบปะกับผู้นำประมาณ 10 คน และท่านจะทักทายพวกเขาตามปกติ"
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ในช่วงเริ่มต้นการเดินทางไปยังตะวันออกกลาง ปธน.ไบเดนจะหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด เช่น การจับมือ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ปธน.ไบเดนกลับลงเอยด้วยการจับมือกับผู้นำในอิสราเอล
ปธน.ไบเดนได้ยืนยันเมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) ว่า จุดยืนของเขาต่อคดีฆาตกรรมนายคาช็อกกีนั้น "ชัดเจนอย่างยิ่ง" โดยนายไบเดนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเทศนอกคอกเมื่อไม่ถึง 2 ปีที่แล้ว หลังจากการสังหารนายคาช็อกกี และขณะรณรงค์หาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐระบุว่า จะยกระดับด้านสิทธิมนุษยชนในซาอุดีอาระเบีย แต่เขาไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่า จะพูดถึงการสังหารนายคาช็อกกีกับผู้นำซาอุฯ หรือไม่