กองทัพยูเครนเปิดเผยว่าสามารถปลิดชีพทหารรัสเซียได้ 111 นายในพื้นที่ทางภาคใต้และตะวันออกในวันพุธที่ผ่านมา (20 ก.ค.) ขณะที่นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้แสดงให้เห็นว่า รัสเซียวางเป้าหมายใหญ่ขึ้น หลังสงครามในยูเครนยืดเยื้อมา 5 เดือน
ทั้งนี้ นายลาฟรอฟให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสตีของทางการรัสเซียเมื่อวันพุธว่า ภารกิจของกองทัพรัสเซียในยูเครนมีมากกว่าแค่ในภูมิภาคดอนบาสทางภาคตะวันออกแล้วในขณะนี้ โดยเชื่อว่ารัสเซียจะขยายขอบเขตการทำสงครามเพิ่มเติมหากชาติตะวันตกยังคงเดินหน้าจัดส่งอาวุธโจมตีระยะไกลให้กับยูเครนต่อไป เช่น เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องอัตตาจรหรือ HIMARS ของสหรัฐ
"นั่นหมายความว่าภารกิจทางภูมิศาสตร์จะขยายขอบเขตออกไปอีก" นายลาฟรอฟกล่าว
คณะบริหารที่รัสเซียจัดตั้งขึ้นในเมืองซาโปริเซีย ของยูเครน หลังรัสเซียยึดครองเอาไว้ได้ เปิดเผยว่า ยูเครนได้ใช้โดรนยิงถล่มสถานีไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองดังกล่าว แต่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ไม่ได้รับความเสียหาย
ส่วนกองทัพยูเครนรายงานเหตุโจมตีอย่างหนักจากฝ่ายรัสเซียเช่นเดียวกัน แต่กองกำลังภาคพื้นของรัสเซียประสบความล้มเหลวในการรุกคืบดินแดนยูเครนเป็นส่วนใหญ่
กองทัพยูเครนระบุว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ฝ่ายตนสามารถทำลายยานพาหนะรัสเซียได้ 17 คัน โดยบางส่วนเป็นยานเกราะ และสังหารทหารรัสเซียไปกว่า 100 นาย