กลุ่มสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศเรียกร้องให้ประธานาธิบดีคนใหม่ของศรีลังกาสั่งการให้กองกำลังรักษาความมั่นคงยุติการใช้กำลังในการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงที่แสดงการต่อต้านรัฐบาลมาเป็นเวลาหลายเดือนเกี่ยวกับการจัดการวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีรานิล วิกรมสิงเห สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันพฤหัสบดี (21 ก.ค.) ทหารติดอาวุธหลายร้อยนายได้บุกรื้อแคมป์ของผู้ประท้วงนอกทำเนียบประธานาธิบดีในช่วงเช้าของวันศุกร์ โดยโจมตีผู้ประท้วงด้วยกระบองในการเคลื่อนไหวที่ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า "เป็นการส่งข้อความอันตรายถึงชาวศรีลังกาว่า รัฐบาลใหม่ตั้งใจจะใช้กำลังอย่างโหดเหี้ยมมากกว่าหลักกฎหมาย"
นักข่าวสองคนและทนายความสองคนถูกทหารโจมตีในการปราบปรามเช่นกัน โดยกองกำลังรักษาความมั่นคงจับกุมประชาชน 11 คน ซึ่งรวมทั้งผู้ประท้วงและทนายความ
"จำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อจัดการกับความจำเป็นทางเศรษฐกิจของชาวศรีลังกา และเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน" นางมีนัคชี กังกูลี ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียใต้ของฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุในแถลงการณ์ที่เปิดเผยในวันนี้
ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวประณามการโจมตีดังกล่าวว่า "เป็นเรื่องน่าละอายที่รัฐบาลใหม่ใช้ยุทธวิธีที่รุนแรงดังกล่าวภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากขึ้นสู่อำนาจ"
"ผู้ประท้วงมีสิทธิที่จะแสดงออกอย่างสันติ การใช้กำลังมากเกินไป การข่มขู่ และการจับกุมที่ผิดกฎหมาย ดูเหมือนจะเป็นรูปแบบซ้ำซากไม่รู้จบ ซึ่งทางการศรีลังกาได้กระทำการตอบโต้ต่อการไม่เห็นด้วยและการชุมนุมอย่างสันติของประชาชน" ไคล์ วอร์ด รองเลขาธิการของแอมเนสตี้กล่าว