สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทีมงานและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ไม่ได้ออกมาปฏิเสธแผนการเดินทางเยือนไต้หวันของประธานสภาฯ ในต้นเดือนส.ค. แต่อย่างใด
รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าววงในระบุว่า คณะผู้ติดตามของนางเพโลซียังไม่ได้ประกาศการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเรื่องการเยือนไต้หวันตามแผนการเยือนเอเชียในต้นเดือนส.ค. แต่หากเกิดขึ้นก็คาดว่าน่าจะหลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้หารือกันทางโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว
ทางด้านรัฐบาลจีนได้เตือนนางเพโลซีตลอดช่วงที่ผ่านมาว่า ให้เลี่ยงการเยือนไต้หวันหลังจากที่นายนิวต์ กิงริช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเคยเดินทางเยือนไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน
ก่อนหน้านี้ นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า "จีนกำลังเตรียมการอย่างจริงจังเพื่อตอบโต้การเดินทางเยือนของนางเพโลซี และอ้างถึงคำมั่นที่เคยให้ไว้ว่าจะใช้ "มาตรการที่แข็งกร้าวขั้นเด็ดขาดเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน"
รายงานระบุว่า ประเด็นเรื่องไต้หวันเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่สั่นคลอนความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน เช่นเดียวกับประเด็นการค้า, การกล่าวหาว่าจีนบังคับใช้แรงงาน และฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวมุสลิมอุยกูร์ในภูมิภาคซินเจียง รวมไปถึงการที่จีนไม่เต็มใจร่วมกดดันรัสเซียกรณีรุกรานยูเครน นอกเหนือจากความขัดแย้งดังกล่าวแล้ว การที่ปธน.ไบเดนระบุว่า สหรัฐจะดำเนินการทางทหารเพื่อปกป้องไต้หวันหากถูกรุกราน ยังเป็นสิ่งที่สวนทางต่อนโยบายการรักษา "ความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์" ที่ดำเนินมานานกับไต้หวัน โดยในเวลาต่อมา คณะเจ้าหน้าที่ของปธน.ไบเดนได้ออกมาชี้แจงว่า นโยบายของสหรัฐยังไม่เปลี่ยนแปลง