นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมเจรจากับนายสี จิ้นผิง ผู้นำจีนในวันพรุ่งนี้ (28 ก.ค.) ท่ามกลางความตึงเครียดครั้งใหม่เกี่ยวกับสถานการณ์ไต้หวัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า การเจรจาครั้งแรกระหว่างปธน.ทั้งสองนับตั้งแต่เดือนมี.ค.นั้น จะมีขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนตึงเครียดเป็นพิเศษ โดยเจ้าหน้าที่ของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้ปฏิเสธเกี่ยวกับแผนการของนางเพโลซีที่จะเดินทางไปเยือนไต้หวันในช่วงต้นเดือนส.ค.
นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวเมื่อวันจันทร์ (25 ก.ค.) ว่าจีนกำลัง "เตรียมพร้อมอย่างจริงจัง" สำหรับความเป็นไปได้ที่นางเพโลซีจะเยือนไต้หวันซึ่งจีนถือว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน
นายนิโคลัส เบิร์นส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศจีนกล่าวเมื่อเดือนมิ.ย.ว่า ความสัมพันธ์กับจีนกำลังถดถอยจนอาจเป็น "ช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุด" นับตั้งแต่ความสัมพันธ์ทางการทูตได้กลับมาเริ่มต้นอีกครั้งในปี 2515
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนซึ่งเพิ่งฟื้นตัวจากโรคโควิด-19 ที่ทำเนียบขาวก็กำลังพิจารณาว่า จะยกเลิกภาษีการนำเข้าสินค้าจากจีนบางส่วนหรือไม่ เพื่อสกัดกั้นภาวะเงินเฟ้อที่กำลังพุ่งสูง
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวระบุว่า ตอนนี้ยังไม่มีการตัดสินใจเกี่ยวกับกำหนดการเดินทางเยือนไต้หวันในทริปเยือนเอเชียของนางเพโลซีในเดือนหน้า ทั้งนี้ หากนางเพโลซีเดินทางไปยังไต้หวันจริง เธอก็จะเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐคนแรกนับตั้งแต่ที่นายนิวท์ กิงริชที่เดินทางไปเยือนไต้หวัน
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า ทางการจีนได้ให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการที่ "รุนแรงและเด็ดขาด" เพื่อตอบโต้ พร้อมทั้งเตือนถึง "ผลกระทบที่ร้ายแรง" ต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี หากนางเพโลซียังเลือกที่จะเดินทางไปเยือนไต้หวัน นอกจากนี้ จีนยังได้เตือนฝ่ายบริหารของปธน.ไบเดนเป็นการส่วนตัวถึงความเป็นไปได้ในการตอบโต้ด้วยมาตรการทางทหาร