นายมาร์ก หลิว ประธานบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมพานี (TSMC) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า หากจีนรุกรานไต้หวัน โรงงานผลิตชิปของ TSMC ซึ่งเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดของโลกจะไม่สามารถปฏิบัติงานได้ เนื่องจาก TSMC ต้องพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานโลก และยังกล่าวด้วยว่าสงครามไม่ได้ก่อให้เกิดผู้ชนะ แต่จะทำให้ทุกฝ่ายกลายเป็นผู้แพ้
"ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถใช้กำลังควบคุม TSMC หากคุณใช้กำลังทางทหารหรือรุกรานก็เท่ากับว่าคุณบังคับให้โรงงานของ TSMC ระงับการดำเนินงาน เพราะนี่คือแหล่งผลิตชิปที่มีความสลับซับซ้อน โดยต้องพึ่งพาการเชื่อมโยงแบบเรียลไทม์กับโลกภายนอก ทั้งยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐ ตั้งแต่เรื่องวัตถุดิบไปจนถึงเคมีภัณฑ์ ตลอดจนถึงอะไหล่สำรอง วิศวกรรมซอฟต์แวร์และการวินิจฉัย" นายหลิวกล่าว
TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้ผลิตหน่วยประมวลผลให้กับบริษัทสหรัฐ ซึ่งรวมถึงแอปเปิล และควอลคอมม์ โดยบริษัทดังกล่าวผลิตชิป "เอ-ซีรีส์" และ "เอ็ม-ซีรีส์" ของแอปเปิล และมีโรงหล่อชิปเซมิคอนดักเตอร์คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของตลาดโลก
ถ้อยคำของนายหลิวเผยแพร่ต่อสาธารณชนในช่วงที่ความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวันทวีความร้อนแรงตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา จากผลพวงของกรณีการเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยในโอกาสนี้นางเพโลซีวางแผนจัดการประชุมผ่านระบบทางไกลกับบริษัท TSMC ด้วย
นายหลิวเปรียบเทียบความขัดแย้งในไต้หวันกับเหตุรัสเซียรุกรานยูเครน โดยระบุว่า แม้ความขัดแย้งของทั้งสองกรณีนี้จะแตกต่างกันอย่างมาก แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่มีต่อประเทศอื่น ๆ นั้นจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน นอกจากนี้ นายหลิวได้เรียกร้องให้เหล่าผู้นำการเมืองพยายามหลีกเลี่ยงสงคราม
ทั้งนี้ นายหลิวระบุด้วยว่า การรุกรานไต้หวันจะก่อให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจสำหรับจีน ไต้หวัน และนานาประเทศในตะวันตก โดยปัจจุบัน TSMC ได้ทำการจำหน่ายชิปให้กับบริษัทจีนที่ต้องอาศัยการบริการและชิปคอมพิวเตอร์ที่มีความล้ำสมัยในการให้บริการลูกค้า