นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐไม่ต้องการให้กรณีการเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ บานปลายจนกลายเป็นวิกฤตการณ์ระหว่างสหรัฐและจีน และสหรัฐมองว่าไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จีนจะนำประเด็นดังกล่าวมาขยายผลจนกลายเป็นปมขัดแย้ง
นายเคอร์บีกล่าวในการแถลงข่าวว่า นับเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีที่ประธานประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเดินทางเยือนไต้หวัน และการเดินทางเยือนของนางเพโลซีครั้งนี้ สอดคล้องกับจุดยืนด้านนโยบายของสหรัฐที่มีต่อไต้หวันมาอย่างยาวนาน โดยนายเคอร์บี้ย้ำว่า สหรัฐยังคงรักษาจุดยืนในการคัดค้านความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสถานภาพของไต้หวันแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ในขณะเดียวกันสหรัฐก็ไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน
"ไม่มีเหตุผลที่จีนจะใช้การเดินทางที่ถูกต้องตามกฏหมายของประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในครั้งนี้ เป็นข้ออ้างในการสร้างความตึงเครียดหรือเพิ่มความขัดแย้ง" นายเคอร์บีกล่าว
นายเคอร์บียังกล่าวด้วยว่า สหรัฐกำลังติดตามการเดินทางเยือนเอเชียของนางเพโลซีอย่างใกล้ชิดและใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสม ท่ามกลางความไม่พอใจของจีนที่แสดงออกโดยการซ้อมรบทหารบริเวณรอบเกาะไต้หวันซึ่งจีนมองว่าเป็นดินแดนของตน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สหรัฐได้เปลี่ยนแปลงนโยบายทางการทูตกับไต้หวันในปี 2522 แต่ยังคงรักษาความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับไต้หวันเรื่อยมา พร้อมทั้งจัดหาอาวุธและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้ไต้หวันสามารถป้องกันตัวเองได้