สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐวางแผนพบปะกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ แห่งฟิลิปปินส์ในวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.ย. นอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) เนื่องจากทั้งสองประเทศพิจารณาที่จะรื้อฟื้นความเป็นพันธมิตรอันยาวนานระหว่างสองฝ่าย หลังความสัมพันธ์ถดถอยลงไปตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การประชุมครั้งล่าสุดนี้จะถือเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างผู้นำสหรัฐและฟิลิปปินส์ นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประชุมกับอดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตที่กรุงมะนิลาในปี 2560
ก่อนหน้านี้ ปธน.มาร์กอสได้แสดงเจตนารมณ์ว่าต้องการให้สหรัฐเป็นพันธมิตรของฟิลิปปินส์ต่อไปและพยายามแสวงหาการสนับสนุนจากสหรัฐในช่วงวิกฤต ซึ่งแตกต่างไปจากนายดูเตอร์เตโดยสิ้นเชิง โดยอดีตผู้นำฟิลิปปินส์รายนี้แสดงท่าทีสนิทสนมกับจีนตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่ก้าวขึ้นกุมอำนาจบริหารประเทศ พร้อมประกาศ "แยกตัว" จากสหรัฐ
ภายหลังที่ปธน.มาร์กอสเริ่มบริหารประเทศ ประชาชนชาวฟิลิปปินส์ก็ได้ยกระดับการประท้วงต่อต้านจีนจากประเด็นข้อพิพาทดินแดนในทะเลจีนใต้ อย่างไรก็ตาม ปธน.มาร์กอสระบุว่าจีนเป็น "พันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุด" ในช่วงที่ประเทศฟื้นตัวจากโรคระบาด พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์เปิดกว้างในการเจรจากับจีนเกี่ยวกับการสำรวจแหล่งน้ำมันในพื้นที่พิพาท โดยถ้อยคำดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่นานหลังจากปธน.มาร์กอสเพิ่งชนะศึกเลือกตั้งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงการสร้างสมดุลในด้านผลประโยชน์