กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติหรือ G7 ได้เตือนรัสเซียเมื่อวานนี้ (11 ต.ค.) ว่า การใช้อาวุธนิวเคลียร์อาจก่อให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงตามมา และกลุ่ม G7 ยังได้ยืนยันอีกครั้งที่จะให้การสนับสนุนยูเครนในการต่อสู้กับรัสเซีย
ทั้งนี้ กลุ่มผู้นำ G7 ได้จัดประชุมฉุกเฉินหลังการโจมตีของรัสเซียเพื่อตอบโต้ปฏิบัติการของกองกำลังยูเครนเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้สะพานที่เชื่อมรัสเซียกับแหลมไครเมียได้รับความเสียหาย โดยรัสเซียตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนในปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
"เราขอประณามการโจมตีเหล่านี้อย่างรุนแรงที่สุด" ผู้นำของสหราชอาณาจักร, แคนาดา ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น และสหรัฐ รวมถึงสหภาพยุโรป (EU) ระบุในแถลงการณ์ร่วม โดยเน้นย้ำว่า โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนและเมืองต่าง ๆ ทั่วยูเครนได้ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี
"การโจมตีอย่างไม่เลือกหน้าต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ถือเป็นอาชญากรรมสงคราม เราจะจับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินและผู้มีส่วนกระทำการดังกล่าวมารับผิดชอบ" เหล่าผู้นำแถลง
ความหวั่นวิตกยังคงเพิ่มสูงขึ้นว่า รัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีสำหรับการโจมตีแบบจำกัดในการทำสงครามกับยูเครน โดยนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่นกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "เราต้องไม่ทำให้ยูเครนกลายเป็นสถานที่ใหม่ในการวางระเบิดนิวเคลียร์"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หลังการประชุมเสมือนจริงของกลุ่ม G7 นายคิชิดะกล่าวว่า ประเทศสมาชิกยืนยันว่า การโจมตีของรัสเซียต่อพลเมืองและพื้นที่พลเรือนในยูเครนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ และตกลงกันที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในการรับมือกับการรุกรานของรัสเซียต่อยูเครน