สมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly - UNGA) ลงมติอย่างท่วมท้นในวันพุธ (12 ต.ค.) เพื่อประณามความพยายามของรัสเซียในการผนวกดินแดน 4 แคว้นของยูเครนอย่างผิดกฎหมาย และได้เรียกร้องทุกประเทศไม่ให้รับรองความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัสเซีย ซึ่งเป็นการเพิ่มมาตรการโดดเดี่ยวทางการทูตต่อรัสเซียนับตั้งแต่บุกเข้ารุกรานยูเครน
สมาชิก UNGA ราว 75% หรือ 143 ชาติจากทั้งหมด 193 ประเทศนั้น ได้โหวตสนับสนุนมติที่ยืนยันถึงอำนาจอธิปไตย, เอกราช, เอกภาพ และบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครนภายในพรมแดนที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา รัสเซียได้ประกาศผนวกดินแดน 4 แคว้นของยูเครนได้แก่ โดเนตสก์, ลูฮันสก์, เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย หลังจากเสร็จสิ้นการลงประชามติ ขณะที่ยูเครนและประเทศพันธมิตรต่างประณามการทำประชามติดังกล่าวว่าผิดกฎหมายและเป็นการบีบบังคับ
นายเซอร์กีย์ คิสลิตสยา เอกอัครราชทูตยูเครนประจำยูเอ็นกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผลการลงมตินั้น "น่าทึ่งมาก" ขณะที่เขายืนอยู่ข้างนางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น ซึ่งกล่าวว่า ผลการลงมติแสดงให้เห็นว่า รัสเซียไม่สามารถที่จะข่มขู่โลกได้
ทั้งนี้ มีเพียง 4 ประเทศเท่านั้นที่ลงคะแนนเสียงคัดค้านมติดังกล่าวของยูเอ็นซึ่งได้แก่ ซีเรีย, นิการากัว, เกาหลีเหนือ และเบลารุส ขณะที่ 35 ประเทศงดออกเสียง ซึ่งรวมถึงจีนที่เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของรัสเซีย ส่วนประเทศที่เหลือนั้นไม่ได้ทำการลงมติ
สหรัฐและชาติตะวันตกอื่น ๆ ได้ทำการล็อบบี้ก่อนการลงมติของยูเอ็นในวันพุธ โดยนายแอนโทนี บลิงเกน รมว.ต่างประเทศสหรัฐได้จัดการประชุมออนไลน์ในวันอังคาร (11 ต.ค.) ร่วมกับบรรดาทูตจากกว่า 100 ประเทศ
ด้านนายเจง ชวง รองเอกอัครราชทูตจีนประจำยูเอ็นกล่าวว่า จีนงดออกเสียงในการลงมติเมื่อวันพุธ เพราะจีนไม่เชื่อว่า มติดังกล่าวจะเป็นประโยชน์
"การดำเนินการใด ๆ ของสมัชชายูเอ็นควรเอื้อต่อการคลี่คลายสถานการณ์, เอื้อต่อการเริ่มการเจรจาครั้งใหม่ และเอื้อต่อการส่งเสริมการแก้ปัญหาทางการเมืองของวิกฤตนี้" นายเจงระบุ