สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากรัฐบาลญี่ปุ่นว่า นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กำลังพิจารณาที่จะเริ่มการสืบสวนโบสถ์แห่งความสามัคคี (Unification Church) ซึ่งเป็นกลุ่มศาสนาที่ประชาชนกำลังจับตามองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรครัฐบาลและสร้างปัญหาทางการเงินให้กับสมาชิกของโบสถ์
การเปลี่ยนแปลงท่าทีของนายคิชิดะมีขึ้นขณะคะแนนนิยมของนายคิชิดะร่วงสู่ระดับ 35% ซึ่งต่ำสุดที่สุดนับตั้งแต่เริ่มรับตำแหน่งเมื่อปีก่อน จากท่าทีที่ลังเลที่จะแก้ปัญหาความเกี่ยวข้องของพรรครัฐบาลกับโบสถ์ดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากนายชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกลอบสังหารเมื่อกว่า 3 เดือนก่อน โดยผู้ก่อเหตุที่เชื่อว่านายอาเบะมีความเกี่ยวข้องกับโบสถ์ดังกล่าว
รายงานระบุว่า นายคิชิดะเตรียมจะเปิดเผยถึงแผนดังกล่าวในวันจันทร์ (17 ต.ค.) ที่การประชุมคณะกรรมการงบประมาณสภาผู้แทนราษฎร โดยแหล่งข่าวระบุว่า หากจำเป็น นายคิชิดะอาจสั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาและวัฒนธรรมเป็นผู้สืบสวนโบสถ์แห่งความสามัคคี
แหล่งข่าวยังเสริมอีกว่า หากการสืบสวนดังกล่าวมีขึ้น ผลการสืบสวนอาจทำให้รัฐบาลสามารถออกคำสั่งยุบโบสถ์แห่งความสามัคคีภายใต้กฎหมายการดำเนินการขององค์กรศาสนา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น โบสถ์แห่งความสามัคคีจะสูญเสียสถานะองค์กรศาสนา และไม่สามารถรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ แต่ยังสามารถดำเนินการในฐานะกลุ่มศาสนาได้
ภายใต้กฎหมายการดำเนินการขององค์กรศาสนา รัฐบาลญี่ปุ่นจะสามารถสั่งยุบองค์กรศาสนาได้เมื่อองค์กรดังกล่าวกระทำความผิดที่เป็นอันตรายต่อสวัสดิภายสังคมอย่างชัดเจน หรือเมื่อกระทำการที่เบี่ยงเบนไปจากจุดประสงค์ขององค์กรศาสนาดังกล่าวอย่างมาก
จนถึงตอนนี้ มีองค์กรศาสนาเพียง 2 แห่งที่ได้รับคำสั่งจากศาลให้ยุบองค์กรเพราะละเมิดกฎหมาย โดยหนึ่งในนั้นคือลัทธิโอม ชินริเกียว ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีด้วยแก๊สพิษซารินในระบบรถไฟฟ้าใต้ดินกรุงโตเกียวเมื่อปี 2538