ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียระบุว่า การที่รัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน และตัดสินใจระงับการเข้าร่วมโครงการส่งออกธัญพืชในทะเลดำนั้น เป็นไปเพื่อตอบโต้เหตุโดรนโจมตีกองเรือของรัสเซียในแคว้นไครเมีย ซึ่งปธน.ปูตินกล่าวหาว่าเป็นฝีมือฝ่ายยูเครน
ทั้งนี้ ปธน.ปูตินแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (31 ต.ค.) ว่า โดรนที่ยูเครนใช้ถล่มกองเรือรัสเซียนั้น อาศัยเส้นทางทะเลเดียวกับที่เรือต่าง ๆ ใช้ขนส่งธัญพืชภายใต้ข้อตกลงส่งออกธัญพืชยูเครนที่มีองค์การสหประชาชาติ (UN) เป็นตัวกลางช่วยผลักดัน
อย่างไรก็ตาม ยูเครนไม่ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีกองเรือรัสเซียในแคว้นไครเมีย ทั้งยังปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้เส้นทางความปลอดภัยของโครงการขนส่งธัญพืชยูเครน เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร ขณะที่ UN ระบุว่า ไม่มีเรือลำใดใช้เส้นทางทะเลดำในวันเสาร์ที่ 29 ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่รัสเซียระบุว่ากองเรือรัสเซียในแคว้นไครเมียถูกยูเครนโจมตี
ในขณะที่สงครามในยูเครนล่วงเข้าสู่วันที่ 250 นับตั้งแต่รัสเซียยกพลบุกโจมตีในวันที่ 24 ก.พ. รัสเซียก็ได้ออกปฏิบัติการโจมตีด้วยขีปนาวุธทั่วประเทศยูเครน โดยเกิดเหตุระเบิดดังสนั่นควันลอยคละคลุ้งไปทั่วผืนฟ้ากรุงเคียฟ
กองเสนาธิการของกองทัพยูเครนระบุในแถลงการณ์ผ่านทางเฟซบุ๊กว่า กองกำลังทหารฝ่ายรัสเซียได้ระดมโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อย่างน้อย 6 แคว้นของยูเครนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
"เราไม่ได้ลงมือได้เพียงเท่านี้" ปธน.ปูตินแถลงผ่านทางสถานีโทรทัศน์ โดยบ่งชี้ว่ารัสเซียจะลงมือโจมตียูเครนต่อไป
เจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยว่า โครงสร้างพื้นฐานพลังงาน ซึ่งรวมถึงเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ ถูกโจมตีจนทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับ น้ำไม่ไหล และไม่มีอุปทานให้ความร้อน
นายโอเลห์ ซีเนฮิวบอฟ ผู้ว่าการแคว้นคาร์คิฟ (Kharkiv) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนระบุผ่านเทเลแกรมว่า ประชาชนราว 140,000 รายเผชิญปัญหาไฟฟ้าดับ หลังเหตุโจมตี ซึ่งรวมถึงประชาชน 50,000 คนในเมืองคาร์คิฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของยูเครน
กองทัพยูเครนเปิดเผยว่า สามารถยิงขีปนาวุธรัสเซียร่วง 44 ลูกจากทั้งหมด 50 ลูก แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เหตุโจมตีของรัสเซียทำให้พื้นที่ 80% ของกรุงเคียฟเผชิญปัญหาน้ำไม่ไหล ขณะที่ ตำรวจยูเครนระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 13 คนจากเหตุโจมตีระลอกล่าสุดนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตลอดช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียได้ระดมโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนของยูเครนอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลราคาแพง และโดรนฆ่าตัวตาย (suicide drones) ราคาถูกที่ผลิตโดยอิหร่าน ซึ่งเป็นโดรนที่จะระเบิดตัวเองเมื่อบินไปถึงเป้าหมาย