นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเปิดเผยว่า การที่สามีของเธอถูกทำร้ายร่างกายที่บ้านพักในเมืองซานฟรานซิสโกนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของเธอที่ว่าจะยังคงทำหน้าที่ในสภาคองเกรสต่อไปหรือไม่ หากพรรคเดโมแครตสูญเสียเสียงข้างมากในการเลือกตั้งกลางเทอมในวันนี้ (8 พ.ย.)
ทั้งนี้ พรรคเดโมแครตไม่ได้เปิดเผยแผนการของเธอในอนาคต ในขณะที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า นางเพโลซีและสมาชิกพรรคเดโมแครตรายอื่น ๆ จะลงจากตำแหน่งผู้นำ หากพรรคสูญเสียเสียงข้างมากในสภา แต่ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อวานนี้ (7 พ.ย.) นางเพโลซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า เหตุการณ์คนร้ายใช้ค้อนบุกทุบตีสามีวัย 82 ปีของเธอนั้น ทำให้เธอต้องทบทวนชีวิตทางการเมืองของเธอในขณะนี้
"ดิฉันขอพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า การตัดสินใจของดิฉันได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว" นางเพโลซีกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่นางเพโลซีได้ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชน หลังจากเกิดเหตุคนร้ายชื่อนายเดวิด เดอพาเพ วัย 42 ปีบุกรุกบ้านพักของเธอที่เมืองซานฟรานซิสโก โดยคนร้ายตะโกนถามว่า "แนนซีอยู่ที่ไหน" ก่อนที่จะใช้ค้อนทุบนายพอล เพโลซี สามีของนางเพโลซีจนได้รับบาดเจ็บและต้องเข้ารับการผ่าตัดอาการกะโหลกร้าว
"ดิฉันรู้สึกกลัวมาก และนึกถึงลูกหลานของดิฉัน และไม่คิดเลยว่าพอลจะถูกทำร้าย" นางเพโลซีกล่าว โดยเปิดเผยว่าในช่วงที่เกิดเหตุนั้น เธอกำลังนอนหลับอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ในวอชิงตัน หลังจากเพิ่งกลับจากซานฟรานซิสโก และในช่วงที่คนร้ายใช้ค้อนทุบประตูบ้านพักที่ซานฟรานซิสโกนั้นเป็นเวลา 05.00 น.ของวันที่ 28 ต.ค.
"ตอนนั้นดิฉันไม่รู้เลยว่าพอลเป็นอย่างไร เรารู้แค่ว่ามีคนร้ายจู่โจมเขาที่บ้านพักของเรา พอลถูกทุบด้วยค้อนถึง 2 ครั้ง สำหรับดิฉันแล้วนี่เป็นเรื่องที่กระทบจิตใจมาก เพราะพอลไม่ใช่เป้าหมายของคนร้าย แต่เขากลับมารับเคราะห์แทน" นางเพโลซีกล่าว