หน่วยงานด้านการเลือกตั้งของสหรัฐได้ทำการปิดหีบการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกลางเทอมในหลายพื้นที่แล้วเมื่อวานนี้ (8 พ.ย.) โดยการเลือกตั้งกลางเทอมจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการเมืองสหรัฐในช่วง 2 ปีข้างหน้า ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2567
หน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศสหรัฐได้เปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 06.00-07.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันอังคารที่ 8 พ.ย. ส่วนการนับคะแนนเลือกตั้งจะเริ่มจากหน่วยเลือกตั้งทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐ โดยจะมีการเริ่มนับคะแนนหลังปิดหีบในเวลา 19.00-20.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันอังคาร (8 พ.ย.) หรือตรงกับเช้าของวันพุธ (9 พ.ย.) เวลา 07.00-08.00 น.ตามเวลาไทย
การเลือกตั้งกลางเทอมถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน โดยจะมีการชิงชัยเก้าอี้ทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจำนวน 435 ที่นั่ง รวมทั้งเก้าอี้ในวุฒิสภาจำนวน 35 ที่นั่ง จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง นอกจากนี้ ยังมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐใน 39 มลรัฐ รวมทั้งการเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอีกจำนวนมาก
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากผลการนับคะแนนเป็นไปอย่างสูสี จะทำให้การตัดสินว่าพรรคใดครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสอาจต้องใช้เวลาหลายวัน เนื่องจากต้องรอคะแนนชี้ขาดจากรัฐทางฝั่งตะวันตก
ที่ผ่านมา การนับคะแนนเลือกตั้งในรัฐแคลิฟอร์เนียมักใช้เวลานานหลายสัปดาห์ เนื่องจากทางรัฐจะนับรวมบัตรเลือกตั้งที่มีการส่งทางไปรษณีย์ แม้มีการประทับตราหลังวันที่ 8 พ.ย. ขณะที่รัฐเนวาดาและวอชิงตันอนุญาตให้นับรวมบัตรเลือกตั้งดังกล่าวเช่นกัน
นอกจากนี้ หากมีการฟ้องร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ในบางรัฐ หรือบางรัฐต้องจัดการเลือกตั้งใหม่เนื่องจากผู้สมัครได้คะแนนไม่ถึง 50% ก็จะส่งผลให้การตัดสินชี้ขาดพรรคที่จะครองสภาคองเกรสต้องล่าช้าออกไปถึงเดือนธ.ค.
ผลสำรวจของโพลส่วนใหญ่พบว่า พรรครีพับลิกันจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐหลังการเลือกตั้งกลางเทอม จากปัจจุบันที่พรรคเดโมแครตมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งอยู่เล็กน้อย ส่วนการเลือกตั้งในวุฒิสภาจะเป็นไปอย่างสูสีระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ซึ่งก่อนการเลือกตั้งทั้งสองพรรคมีคะแนนเสียงเท่ากันอยู่ที่ 50-50 โดยคะแนนเลือกตั้งใน 4 รัฐได้แก่ แอริโซน่า จอร์เจีย เนวาดา และเพนซิลเวเนีย จะชี้ขาดว่าพรรคใดจะได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา
ทั้งนี้ หากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะเหนือพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ ก็จะทำให้การบริหารประเทศของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในช่วงที่เหลืออีก 2 ปีเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยคาดว่าพรรครีพับลิกันจะขัดขวางการผ่านกฎหมายต่าง ๆ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล