สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐและพลเอกเว่ย เฟิ่งเหอ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของจีน ได้พบปะเจรจาแบบเจอหน้ากันเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้นอกรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนที่เมืองเสียมเรียบในกัมพูชา
แหล่งข่าวระบุว่า การประชุมดังกล่าวไม่น่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสำคัญใด ๆ แต่อาจแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการสื่อสารในภาวะวิกฤตและมุมมองที่แตกต่างกันต่อไต้หวัน
ทั้งนี้ นายออสตินและนายพลเฟิ่งเหอเคยพบปะหารือกันมาแล้วที่สิงคโปร์ในเดือนมิ.ย. แต่ครั้งนี้นับเป็นการเจอกันครั้งแรกนับตั้งแต่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเดินทางเยือนไต้หวันในเดือนส.ค. ซึ่งสร้างความโกรธเคืองให้กับจีนที่มองว่า ไต้หวันเป็นดินแดนของตน และมองว่าสหรัฐกำลังพยายามแทรกแซงกิจการภายในประเทศ นำมาซึ่งการที่จีนทำการซ้อมรบใกล้ไต้หวันหลายครั้ง
การพบปะหารือกันครั้งนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐประชุมสุดยอดแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนนอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ที่อินโดนีเซียเป็นเวลา 3 ชั่วโมงเมื่อจันทร์ที่แล้ว (14 พ.ย.) โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศลุกลามไปสู่สงครามเย็นครั้งใหม่
แม้ว่าสถานการณ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศจะตึงเครียด แต่เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐได้พยายามที่จะเปิดช่องทางการติดต่อกับจีนเพื่อลดความเสี่ยงที่ความขัดแย้งจะรุนแรงขึ้น หรือเพื่อจัดการกับสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐนั้นตึงเครียดมาโดยตลอด ตั้งแต่เรื่องไต้หวันและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีน ไปจนถึงกิจกรรมทางทหารของจีนในทะเลจีนใต้
ทั้งนี้ สหรัฐไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน แต่มีข้อผูกมัดตามกฎหมายที่จะให้ความช่วยเหลือด้านการป้องกันตนเองแก่ไต้หวัน