นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้สั่งการให้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการคลัง เพิ่มการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติขึ้นเป็น 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ภายในปีงบประมาณ 2570 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลญี่ปุ่นปรับเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายคิชิดะได้เรียกตัวรัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีคลังเข้าพบเมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ (28 พ.ย.) ในขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งประสบปัญหาด้านสังคมผู้สูงอายุและหนี้สินที่เพิ่มขึ้นนั้น กำลังเผชิญกับการถกเถียงเกี่ยวกับแนวทางการระดมเงินทุนเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ต่าง ๆ อาทิ การเพิ่มสต็อกขีปนาวุธร่อน (Cruise Missile) ไว้ในคลังแสงเพื่อป้องกันภัยคุกคามที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในภูมิภาค
"เรากำลังรวบรวมงบประมาณด้านกลาโหมและงบประมาณสำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเข้าไว้ด้วยกัน โดยงบประมาณเหล่านี้จะมีสัดส่วนสูงถึง 2% ของตัวเลข GDP ในปีงบประมาณ 2570" นายยาซูคาสึ ฮามาดะ รัฐมนตรีกลาโหมกล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีคิชิดะ
ขณะที่นายชูนิชิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นกล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันนี้ว่า รัฐบาลกำลังเตรียมงบประมาณให้สอดคล้องกับคำสั่งของนายกรัฐมนตรีคิชิดะ และขณะนี้ทางกระทรวงกำลังหารือกันเกี่ยวกับรายละเอียดของงบประมาณส่วนนี้
ท่ามกลางความวิตกของสาธารณชนหลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารรุกรานยูเครนและสถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในไต้หวันนั้น นายกรัฐมนตรีคิชิดะได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนด้านกลาโหมเพื่อปกป้องญี่ปุ่น และจะเพิ่มการใช้จ่ายที่จำเป็น
ทั้งนี้ แม้ว่าญี่ปุ่นจะไม่ใช่สมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) แต่งบประมาณด้านกลาโหมของญี่ปุ่นในขณะนี้ มีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับบรรดาชาติสมาชิกนาโต