รัฐบาลเยอรมนีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ เดินหน้าผลักดันความพยายามในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจากภัยคุกคามจากต่างประเทศ และยกระดับความสามารถในการรับมือกับวิกฤตของชาติ หลังการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
คณะรัฐมนตรีของนายโชลซ์ได้อนุมัติเอกสารกลยุทธ์ ว่าด้วยการแก้ไขและยกระดับการป้องกันทางกายภาพของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในระดับรัฐบาลกลางเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.)
นางแนนซี เฟเซอร์ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเยอรมนีระบุในแถลงการณ์ว่า "นับตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มทำสงครามรุกรานยูเครน สถานการณ์ความมั่นคงในเยอรมนีก็ได้เปลี่ยนไป เราให้ความสำคัญกับภัยคุมคามปัจจุบันอย่างจริงจัง และบัดนี้เราได้เริ่มลงมือแล้ว"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า รัฐบาลเยอรมนีเตรียมกำหนดพื้นที่ที่ต้องเสริมกำลังปกป้องกันเป็นพิเศษและกำหนดมาตรฐานบังคับที่ผู้ประกอบการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต้องปฏิบัติตาม ซึ่งมีแนวโน้มจะรวมถึงการทุ่มเม็ดเงินเพื่อเสริมการป้องกันเชิงกายภาพมากขึ้น เช่น การติดตั้งรั้วกั้น ตลอดจนการจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม
ด้านฝ่ายนิติบัญญัติของยุโรปมุ่งเน้นไปที่การเปิดเผยความจริงและการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายครั้งในเดือนก.ย. ซึ่งส่งผลให้ท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และ 2 ที่เชื่อมรัสเซียกับเยอรมนีได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ ความเสียหายดังกล่าวได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความเปราะบางของเครือข่ายพลังงานของยุโรป ซึ่งได้รับความสนใจมากขึ้นในเดือนต.ค. จากเหตุการณ์สายสัญญาณวิทยุในเยอรมนีถูกตัด ทำให้บริการรถไฟต้องหยุดชะงักเป็นเวลาหลายชั่วโมง ขณะที่นอร์เวย์เริ่มตรวจพบการเคลื่อนไหวของโดรนที่ "สูงผิดปกติ" ใกล้กับจุดติดตั้งพลังงานนอกชายฝั่งหลายแห่ง