สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อิหร่านได้ถูกถอดถอนออกจากการเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (Commission on the Status of Women - CSW) แห่งสหประชาชาติ (UN) ในวันพุธ (14 ธ.ค.) เนื่องจากอิหร่านมีนโยบายต่อต้านสิทธิของสตรี และจากที่อิหร่านทำการกวาดล้างผู้ประท้วงกรณีการเสียชีวิตของน.ส.มาห์ซา อามินี วัย 22 ปี คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (Economic and Social Council) หรือ ECOSOC ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 54 ประเทศได้ร่วมโหวตในร่างมติที่สหรัฐยื่นเพื่อถอดถอนอิหร่านออกจากการเป็นสมาชิก CSW สำหรับช่วงเวลาที่เหลือของวาระในปี 2565 - 2566 โดยให้มีผลบังคับใช้ทันที โดย 29 ประเทศสนับสนุนการถอดถอน, 8 ประเทศคัดค้านซึ่งรวมถึงรัสเซียและจีน และ 16 ประเทศงดออกเสียง
CSW ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิก 45 ชาตินั้น จะประชุมกันในเดือนมี.ค.ของทุกปีโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ รวมถึงการเพิ่มพลังและบทบาทของสตรี โดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า สมาชิกของ CSW มีความเห็นชอบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในการถอดถอนอิหร่าน
ด้านอิหร่านและอีก 17 ชาติรวมทั้งปาเลสไตน์โต้แย้งว่า ร่างมติที่ส่งถึง ECOSOC เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.นั้น จะสร้างแบบอย่างอันไม่พึงประสงค์ที่จะกีดกันกลุ่มประเทศสมาชิกชาติอื่น ๆ ที่มีความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมและประเพณีในการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของคณะกรรมาธิการ
ทั้งนี้ อิหร่านเพิ่งประหารชีวิตผู้ชายคนหนึ่งด้วยการแขวนคอในที่สาธารณะเมื่อวันจันทร์ (12 ธ.ค.) ซึ่งสื่อของรัฐบาลอิหร่านกล่าวว่า ชายดังกล่าวคือนักโทษที่มีความผิดฐานฆาตกรรมเจ้าหน้าที่หน่วยมั่นคง 2 นาย โดยเหตุการณ์นี้นับเป็นการประหารชีวิตครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ โดยผู้เสียชีวิตคือประชาชนที่เข้าร่วมประท้วงต่อต้านระบอบการปกครองของอิหร่าน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพ.ย. 2565 คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council) หรือ UNHRC ได้ลงมติให้มีการจัดการสืบสวนโดยอิสระต่อการที่อิหร่านปราบปรามผู้ประท้วงด้วยความรุนแรงถึงชีวิต และการผ่านร่างญัตติให้ลงโทษประหารชีวิตกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประท้วง